กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--วีโร่ พับลิค รีเลชั่นส์
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยวิสัยทัศน์อันสดใสสำหรับการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของเมืองต่างๆ ในประเทศไทยภายในงาน Delta Future Industry Summit ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กันยายน โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โดยงานสัมมนา Delta Future Industry Summit ประจำปี 2561 เป็นเวทีสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจทั้งจากภาคเอกชน ภาครัฐบาล นักวิชาการและสื่อมวลชน เพื่อเชื่อมโยงความสนใจที่มีร่วมกันในด้านเทคโนโลยีและแนวโน้มด้านอุตสาหกรรมที่ส่งผลต่อชีวิตของคนไทยภายใต้หัวข้อ Innovations for Smart Cities หรือ นวัตกรรมสำหรับเมืองอัจฉริยะ
นายเซีย เชน เยน ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานสัมมนาและนำเสนอหัวข้อสำคัญต่างๆ ของงานนี้และสิ่งที่เดลต้าให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ นั่นคือ การพัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งประกอบด้วย พลังงานทดแทน ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า และอาคารสีเขียว
"เราต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีโดยสนับสนุนเทคโนโลยีที่ทำให้เมืองของเรามีความอัจฉริยะขึ้น มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานมากขึ้น" นายเซีย เชน เยน กล่าว "เราได้เห็นการลดลงของเทคโนโลยีเก่าๆ ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่เทคโนโลยีอัจฉริยะ และเทคโนโลยีสะอาดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ชีวิตของเราและเพื่อบริหารจัดการเมืองที่เราอาศัย แต่การเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าจะได้รับแรงผลักดันที่แท้จริงก็ต่อเมื่อหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทำงานร่วมกันและให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการเมืองต่างๆ " นายเซีย เชน เยน กล่าว
รัฐบาลไทยกระตือรือร้นที่จะเริ่มกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของชุมชนเมืองที่รวดเร็วและผลกระทบจากเมกะเทรนด์ทั่วโลกเช่น อุตสาหกรรม 4.0 และพลังงานสะอาด แพลตฟอร์มการเสวนาและการสร้างเครือข่าย เช่น งาน Delta Future Industry Summit เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำหรับองค์กรที่มีความคิดเช่นเดียวกันเพื่อสร้างโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถพัฒนาการใช้ชีวิตในเมืองและความยั่งยืนของอุตสาหกรรม วิทยากรในงานสัมมนาครั้งนี้เน้นว่าเมืองอัจฉริยะจะเป็นรากฐานที่สำคัญแก่ภูมิทัศน์เมืองของประเทศในอนาคต ด้วยการลงทุนอย่างมีนัยะสำคัญจากทั้งรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม วิทยากรและผู้อภิปรายแต่ละท่านยังได้ใช้แนวทางแบบองค์รวม การจัดทำแผนผังแนวโน้มแบบกว้างๆ ในการผสมผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะในหลายอุตสาหกรรมซึ่งถือเป็นรูปแบบสำคัญของการสร้างเมืองอัจฉริยะ
การเสวนาหัวข้อ อนาคตสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นเสวนาที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ โดยมีตัวแทนจากบริษัทเดลต้า การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และสมาคมไฟฟ้ายานยนต์แห่งประเทศไทย (EVAT) นายจุมภฎ หิมะเจริญ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนา การไฟฟ้านครหลวง ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการคมนาคมขนส่งโดยใช้ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร นายกิตติศักดิ์ เงินงอกงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ได้เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของเดลต้าด้านโซลูชั่นเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าและความร่วมมือกับภาครัฐและภาคธุรกิจอื่นๆ ในการขยายการเข้าถึงเทคโนโลยีการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศไทย
ในช่วงการเสวนาหัวข้อ อนาคตของเมืองต่างๆ ในประเทศไทย โดยวิทยากรจาก บริษัทเดลต้า ธนาคารกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้คาดการณ์อย่างชัดเจนสำหรับอนาคตในอีกทศวรรษของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ดร.ปิยะพันธ์ ทยานิธิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลจะทำให้บริการอัจฉริยะสะดวกยิ่งขึ้นและบิ๊กดาต้ามีบทบาทสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้อย่างไร ผศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แบ่งปันบทเรียนสำคัญๆ ที่ได้จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างเมืองอัจฉริยะ และนายศักดิ์ดา แซ่อึ้ง ผู้จัดการอาวุโสฝ่าย UPS และ Data Center บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ได้คาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของดาต้า เซ็นเตอร์แบบทวีคูณในภูมิภาคนี้เพื่อเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในฐานะที่เป็นบริษัทระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย เดลต้ามุ่งมั่นพัฒนาโซลูชั่นนวัตกรรมสำหรับพลังงานหมุนเวียน ระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และบิ๊กดาต้า งานสัมมนา Delta Future Industry Summit จัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์เพื่ออนาคตอันยั่งยืนที่สะท้อนคำมั่นสัญญาของเดลต้าที่ว่า Smarter. Greener. Together.