กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--ชมฉวีวรรณ
เปล่งประกายความงดงามที่เจิดจรัสแต่ไกลทั้งสาวงามและตัวมงกุฎที่สวมใส่สำหรับการประกวด Miss Thailand World 2018 ซึ่งในปีนี้มงกุฎประจำตำแหน่งนั้นตกเป็นของ นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ วัย 19 ปี
หากพูดถึงการประกวดนางงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ "มงกุฎ" ถือเป็นสัญลักษณ์ของความงามอันทรงคุณค่าสูงสุด ที่แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวผู้ได้สวมใส่ คือตัวแทนของความงาม ความเฉลียวฉลาดและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น แน่นอนว่าหญิงสาวทุกคนบนเวทีล้วนมีความฝันที่จะได้ครอบครองมงกุฎในค่ำคืนอันสำคัญ ซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเธอไปตลอดกาล
33 ปี ที่ผ่านมา เวที Miss Thailand World ยังคงมุ่งมั่นในการค้นหาและเลือกเฟ้นสาวงามผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ตามคอนเซ็ปต์ที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่มการประกวดในปี1985 นั่นก็คือ Beauty with a Purpose หรือ "งามอย่างมีคุณค่า" ผ่านขั้นตอนการประกวดในระดับมาตรฐานสากล ใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด เฉกเช่นเดียวกับการออกแบบรังสรรค์ "มงกุฎ" สุดพิเศษที่คู่ควรกับเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ ถือเป็นงานฝีมือชั้นสูงแขนงหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความประณีต ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอน
สำหรับปี 2018 นี้ มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ได้รับเกียรติจาก สยามเจมส์ เฮอริเทจ เป็นผู้ออกแบบและผลิตสนับสนุนมงกุฎให้แก่ผู้ชนะและรองทั้งสอง ที่สวยงามอลังการ ซึ่งหากพิจารณาแล้วมงกุฎปีนี้ยังเปี่ยมไปด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่ลึกซึ้งอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของการทำมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ โดย สยามเจมส์ เฮอริเทจ นั้น เป็นการมองเห็นความยาวนานของเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ ที่มีมากว่า 30 ปี ซึ่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งคือตัวแทนการเผยแพร่วัฒนธรรม ภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ในขณะเดียวกัน สยามเจมส์ เฮอริเทจ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย ก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานถึง 56 ปี นี่เองคือจุดร่วมที่ทำให้สยามเจมส์ เฮอริเทจเข้าให้การสนับสนุนมงกุฎสำหรับเวทีการประกวดในปีนี้
จะเห็นว่า มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปีนี้ โดดเด่นด้วย ทับทิมสีแดงสดเม็ดเอกน้ำหนัก 2.03 กะรัต อยู่กึ่งกลาง รายล้อมด้วยทับทิมเม็ดบริวาร แนวคิดการออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก "รัศมีของดวงอาทิตย์ในยามเช้า" ที่สดใส ไม่ร้อนแรงจนเกินไป เป็นการเริ่มต้นที่มีความหมายต่อทุกชีวิตบนโลก โดยทับทิมสีแดงเป็นเสมือนตัวแทนของดวงอาทิตย์ที่มีทั้งความงดงามและพลังอันยิ่งใหญ่ โดยมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ และได้รับการขนานนามว่า รัตนราช หมายถึง เจ้าเหนืออัญมณีทั้งปวง
และหากลงลึกไปถึงรายละเอียดการรังสรรค์มงกุฎในครั้งนี้ จะพบว่าผ่านการทำงานจากช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 10 คนในระยะเวลาถึง 6 เดือน ตั้งแต่การค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อออกแบบ การขึ้นรูป การคัดสรรอัญมณีแต่ละเม็ดให้ลงตัว โดยต้องใช้ความละเอียดทั้งในเรื่องการเลือกขนาด และสีที่ใช่ รวมถึงรูปร่างของการเจียระไนเหลี่ยมมุมที่เมื่อยามต้องกับแสงไฟแล้วต้องส่องประกายอย่างโดดเด่นเป็นประกายงดงาม ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นการเผยให้เห็นฝีมือของช่างไทยที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบสร้างสรรค์ชิ้นงานจิวเวลรี่ได้อย่างชำนาญสู่สายตาชาวโลก
สำหรับ นางสาวนิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ ผู้ที่คว้ามงกุฎในปีนี้ไป ก็สวยสง่าคู่ควรกับตำแหน่ง จากนี้ต้องลุ้นและตามเอาใจช่วยกันต่อบนเวที Miss World 2018 ที่ต้องปะทะกับสาวงามทั่วโลก แต่มั่นใจได้ว่า ความงดงามแบบไทยจะต้องเป็นที่ชื่นชมและประทับใจในสายตาชาวโลกอย่างแน่นอน