กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผนึกกำลังร่วมกับบริษัท วีเอ็นเอส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแพรกษา ในจังหวัดสมุทรปราการ บนพื้นที่ประมาณ 649 ไร่ ภายใต้การลงทุนโครงการกว่า 3,700 ล้านบาท โดยนำแนวคิด Eco Industrial Town มาใช้ในการออกแบบพื้นที่โครงการและใช้ระบบรีไซเคิล เพื่อลดการปล่อยน้ำเสียออกนอกนิคมอุตสาหกรรมโดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2564 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมากขึ้นและอีกทั้งเป็นพื้นที่สามารถเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
นางสุวัฒนา กมลวัทนนิศา รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สายงานยุทธศาสตร์และการพัฒนา เปิดเผยว่า เพื่อขยายพื้นที่รองรับการขยายตัวของการประกอบอุตสาหกรรมและการลงทุนให้มีประสิทธิภาพ ล่าสุด กนอ. ร่วมกับบริษัท วีเอ็นเอส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในลักษณะร่วมดำเนินงานภายใต้ชื่อ "นิคมอุตสาหกรรมแพรกษา" ในตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการบนเนื้อที่ 649-1-95.39 ไร่ ภายใต้การลงทุน 3,700 ล้านบาท โดยนิคมอุตสาหกรรม ดังกล่าว จะถูกพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเกษตรกรรมและผลิตผลการเกษตร อุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมพลาสติกและกระดาษ รวมทั้งอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค ซึ่งโครงการดังกล่าวจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี หลังจากรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2564 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดการขยายตัวทางอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้งเป็นพื้นที่สามารถเชื่อมโยงโลจิสติกส์เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)ได้
นางสุวัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า นิคมอุตสาหกรรมแพรกษาได้นำแนวคิด Eco Industrial Town มาออกแบบในรายละเอียดโครงการ โดยจัดให้มีพื้นที่ที่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 483 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณธูปโภคประมาณ 100 ไร่ และพื้นที่สีเขียวประมาณ 66 ไร่ สำหรับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ใช้ระบบรีไซเคิล เพื่อลดอัตราการปล่อยน้ำออกนอกพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ ศักยภาพโครงการมีข้อได้เปรียบทางโลจิสติกส์ อยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 25 กิโลเมตร ห่างจากท่าอากาศยานดอนเมือง 55 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมในด้านการขนส่งและการขยายธุรกิจอุตสาหกรรมจากผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ และนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีได้อีกด้วย
โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแพรกษาจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดโดยรอบ ในการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดตามกฎหมายผังเมืองเพื่อไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายของภาคอุตสาหกรรมและการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้มีการเติบโตในพื้นที่ที่ได้จัดเตรียมไว้ และสามารถดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดในฐานะที่เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการจ้างงาน การลงทุน การขยายตัวของธุรกิจ ฯลฯ นางสุวัฒนา กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายขจร เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอ็นเอส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ในนามของบริษัท วีเอ็นเอส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมแพรกษา ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ของนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการบริหารและการจัดการ โดยยึดหลักการอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่มุ่งสร้างความสมดุลของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีรากฐานจากค่านิยม 3 ประโยชน์ ที่มุ่งสร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและบริษัท อีกทั้งจุดเด่นของโครงการนี้คือตั้งอยู่ศูนย์กลางของระบบคมนาคมขนส่งทุกประเภท สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก ได้แก่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแพรกษาเพียง 5 กิโลเมตร ห่างจากท่าเรือกรุงเทพราว 22 กิโลเมตรและห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิราว 25 กิโลเมตรและมีความพร้อมด้านแรงงานรองรับ โดยในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมีจำนวนแรงงานไทย 1.35 ล้านคน และจำนวนแรงงานต่างด้าว 135,000 คน นอกจากนี้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจในจังหวัดสมุทรปราการจะเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมเบา กลุ่มขึ้นรูปโลหะ กลุ่มบริการสาธารณูปโภคและคลังสินค้า
"เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศ ทั้งด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม การนำเงินตราเข้าสู่ประเทศจากการลงทุนของต่างชาติ อีกทั้งสร้างประโยชน์ให้กับสังคม เนื่องจากมีการจ้างงานมากกว่า 6,000 คนและยกระดับฝีมือแรงงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป" นายขจร กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถนนนิคมมักกะสัน กรุงเทพฯ โทร. 0 2253 0561 หรืออีเมลinvestment.1@ieat.mail.go.th