กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 21 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,206.30-1,211.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,600 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,620 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.56 น. ของวันที่ 21/09/61)
แนวโน้มวันที่ 24 กันยายน 2561
ดัชนีสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ของ MSCI ปรับขึ้นสู่จุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของสกุลเงินต่างๆ อาทิ ลีราตุรกี และแรนด์แอฟริกาใต้ การดีดตัวขึ้นของดัชนีสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ใน MSCI จากจุดต่ำสุดที่ทำไว้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนหน้า แนวโน้มดังกล่าวกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือนครึ่ง จนหนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ จีนจะลดภาษีนำเข้าต่อไปสำหรับคู่ค้ารายใหญ่ในเดือนหน้าเป็นอย่างเร็ว หนุนสกุลเงินและการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของประเทศในอาเซียนให้มีแนวโน้มสดใส เพราะจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการขยายการค้ากับจีน ยิ่งส่งผลลบต่อดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินปลอดภัยให้ถูกขายทำกำไรออกมา ในขณะที่ผลสำรวจจากรอยเตอร์ เปิดเผยว่า นักเศรษฐศาสตร์ 70 คนที่ตอบคำถามแสดงความเห็นว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน เป็นผลลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยสร้างความเสี่ยงช่วงขาลงในระยะใกล้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำขยับขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี ช่วยหนุนดอลลาร์ซึ่งยังคงกดดันราคาทองคำ ก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนก.ย.นี้ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้นักลงทุนจับตาการประชุมสหประชาชาติ(UN)ในนครนิวยอร์ก ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐจะจัดการประชุมระดับทวิภาคีกับผู้นำเกาหลีใต้, อียิปต์, ฝรั่งเศส, อิสราเอล, ญี่ปุ่นและอังกฤษ ระหว่างการรวมตัวกันที่การประชุมดังกล่าว ประเมินว่า อาจต้องติดตามว่าราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้หรือไม่ ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถยืนได้ราคาอาจมีการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,194-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นอกจากนี้แนะนำให้ติดตามแรงซื้อแรงขายจากทางฝั่งจีน เนื่องจากตลาดเงินตลาดทุนของจีนจะปิดทำการในวันที่ 24 กันยายน เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (The Mid-Autumn Festival)
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจไม่มากเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงแนะนำว่าเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,194 (18,250บาท) 1,187 (18,150บาท) 1,175 (17,950บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,600บาท) 1,228 (18,800บาท) 1,235 (18,900บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,194 (18,400บาท) 1,187 (18,290บาท) 1,175 (18,100บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,710บาท) 1,228 (18,920บาท) 1,235 (19,030บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999