กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--โรงพยาบาลรามคำแหง
ก่อนอื่นเราต้องรู้ทันกลไกการเกิดสิวเสียก่อน ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักๆ อยู่ 3 ประการด้วยกันครับ คือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง และเกิดจากการใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยด์ผสมนะครับ
ส่วนการรักษาสิวนั้นแพทย์จะรักษาจากสาเหตุการเกิดสิว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ ดังนี้ครับ
1. การทายาเฉพาะที่ โดยยาที่ใช้จะเป็นยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหนังให้ดีขึ้น
2. การรับประทานยา โดยยาที่ให้รับประทานมีตั้งแต่ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดในกลุ่มไอโซเตรทติโนอิน
3. ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งจะพิจารณาเลือกใช้เมื่อผู้ป่วยมีอาการดื้อต่อยาทาหรือยารับประทาน มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า มีหลุมสิวเกิดขึ้น หรือผู้ที่ต้องการจะให้สิวยุบตัวเร็วที่สุด
ปัจจุบันการรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยนะครับ ซึ่งเทคโนโลยีเลเซอร์นี้จะอาศัยหลักการความร้อนทำให้แบคทีเรียตาย ช่วยให้การหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังดีขึ้น ทั้งยังช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดความคับคั่งของไขมันให้น้อยลงและส่งผลให้เกิดการอุดตันของไขมันน้อยลงตามลงไปด้วยนะครับ
ส่วนในแง่การรักษาแผลเป็นหลังจากการเกิดสิว การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้แผลเป็นหรือหลุ่มสิวตื้นขึ้น โดยที่การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลา 15-20 นาที และทิ้งระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ จึงจะทำการรักษาอีกครั้ง โดยจะเห็นผลการรักษาในครั้งที่ 4 เป็นต้นไปครับ
การรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์นั้น ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการวินิจฉัยชนิดสิวและการปรับใช้เลเซอร์ตามระดับความลึกของสิวต้องใช้ความชำนาญและความถูกต้อง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้เทคโนโลยีเลเซอร์แบบใดจัดการสิวที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ