กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--กรมการค้าต่าง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบในการเพิ่มความเข้มงวดด้านความปลอดภัยตั้งแต่แหล่งกำเนิดสินค้าไปตลอดห่วงโซ่อุปทานของการขนส่งสินค้า ซึ่งสหภาพยุโรปมุ่งหวังจะให้เกิดความร่วมมือด้านความปลอดภัยในระบบขนส่งระหว่างประเทศคู่ค้า โดยมีแนวทางปฏิบัติ คือ ระบุสินค้าที่มีความเสี่ยงอันตรายสูงให้เร็วที่สุดก่อนการนำเข้า พิจารณาผู้ประกอบการค้าที่มีความน่าเชื่อถือสูงในด้านความปลอดภัย และกำหนดให้แจ้งข้อมูลล่วงหน้าก่อนการนำเข้า-ส่งออก โดยหน่วยงานศุลกากรของแต่ละประเทศสมาชิกควรมีความพร้อมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลล่วงหน้าระหว่างกันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ระเบียบด้านความปลอดภัยในระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจะเป็นระบบแบบบังคับ โดยผู้ประกอบการจะต้องยื่นเอกสารที่มีความถูกต้องและเชื่อถือได้แก่หน่วยงานด้านศุลกากร เพื่อรับการประเมิน/วิเคราะห์ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของสินค้า หากผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำสินค้าขึ้นเรือขนส่งที่จะเข้า/ออกจากสหภาพยุโรปได้ ทั้งนี้ระยะเวลาที่กำหนดให้แจ้งข้อมูลล่วงหน้าก่อนการนำเข้า/ส่งออกจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบของการขนส่ง เช่น 24 ชั่วโมงก่อนขนสินค้าขึ้นเรือ (สำหรับ Deep Sea Containers) หรือ 2 ชั่วโมงก่อนเรือสินค้าเทียบท่า/ก่อนออกจากท่า (สำหรับ Short Sea Containers) เป็นต้น
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปได้ออกกฎระเบียบว่าด้วยการแต่งตั้ง Authorized Economic Operation (AEO) ซึ่งเป็นมาตรการสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการในสหภาพยุโรป และสอดคล้องกับกรอบหลักเกณฑ์ของ World Custom Organization โดยจะเริ่มใช้ระบบ AEO ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการใน สหภาพยุโรปตลอดห่วงโซ่อุปทานของการขนส่งระหว่างประเทศสามารถยื่นคำร้องขอสมัครเป็น AEO ได้ และเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว ก็จะได้รับการอำนวยความสะดวกจากมาตรการรักษาความปลอดภัยข้างต้น และสามารถลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรได้อีกด้วย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประเทศไทยกรมศุลกากรได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรการการรักษาความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากที่ยอมรับจากประเทศคู่ค้า เช่น จัดทำโครงการความร่วมมือกับกรมศุลกากรสหรัฐฯ ด้านมาตรการความปลอดภัยตู้ขนส่งสินค้า (Containers Security Interline : CSI) และโครงการความร่วมมือกับกรมพลังงานสหรัฐฯ ติดตั้งเครื่องมือทันสมัยในการตรวจจับอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐาน SAFE ของ WCO ซึ่งมีหลักสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การแจ้งข้อมูลล่วงหน้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การบริหารความเสี่ยง ตรวจตราสินค้าส่งออกเพื่อป้องกันอันตราย โดยใช้การตรวจสอบที่นุ่มนวล และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทานได้