กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--Med Agency
ข่าวดี สำหรับผู้ปกครองเด็กพิเศษ กรมสุขภาพจิตวิจัยพัฒนาเครื่องตรวจวินิจฉัยภาวะออทิสติกในเด็กไทยโดยเฉพาะเป็นผลสำเร็จ สามารถพบความผิดปกติของเด็กได้เร็วกว่าเดิมตั้งแต่อายุ 1-2 ขวบ
ล่าสุด กอง บ.ก.เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยถึงปัญหาการเจ็บป่วยทางจิตในเด็กเล็กที่กรมสุขภาพจิตเร่งดำเนินการป้องกันแก้ไขขณะนี้คือออทิสติก (Autism Spectrum Disorder)
ซึ่งพบมากในอันดับต้นๆของเด็กไทย สาเหตุเกิดจากความผิดปกติการทำงานของสมองตั้งแต่กำเนิด เด็กกลุ่มนี้ลักษณะภายนอกจะไม่ผิดปกติร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงน่ารัก
แต่เด็กจะมีพัฒนาการบกพร่อง 2 ด้านหลักคือ ไม่สามารถใช้ภาษาสื่อสารปฏิสัมพันธ์กับสังคมได้ และมีพฤติกรรมความสนใจที่มีลักษณะแคบจำกัดหรือเป็นแบบแผนพฤติกรรมซ้ำๆ
ประชาชนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่าเกิดมาจากการเลี้ยงดูหรือถ่ายทอดมาจากบุคลิกของพ่อแม่ ไม่ได้เป็นอะไร ทำให้เด็กไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง กลายเป็นผู้ที่มีความพิการตลอดชีวิต
สถานการณ์ของภาวะออทิสติกในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมาก ผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตล่าสุดในปี2558 พบเด็กไทยอายุ 0-5 ปีมีอัตราป่วย 6 ต่อ1,000 คน เพิ่มขึ้น 6เท่าตัวในรอบ 11ปี คาดว่าทั่วประเทศมีประชาชนไทยทุกวัยเป็นออทิสติกประมาณ 400,000 คน มีรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5,000 คน เฉลี่ยวันละ 13 คน เข้าถึงบริการรักษาฟื้นฟูแล้วร้อยละ 44
เด็กที่เป็นออทิสติกนี้สามารถรักษาได้ แม้ไม่หายขาดแต่จะทำให้เด็กสามารถใช้ชีวิตได้เช่นเดียวกับเด็กปกติ เรียนหนังสือ และทำงานได้เช่นเดียวกันคนทั่วไป
ผลการรักษาจะดีที่สุดเมื่ออายุต่ำกว่า 3 ขวบ แต่ที่ผ่านมาการรักษาส่วนใหญ่จะเริ่มหลังอายุ 3 ขวบไปแล้ว เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ในปัจจุบันเป็นของต่างประเทศ บางส่วนไม่เหมาะกับบริบทของเด็กไทย จึงได้เร่งพัฒนาระบบการดูแลรักษา
โดยในปีนี้สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ ได้วิจัยและพัฒนาเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยหาความผิดของเด็กที่เป็นออทิสติกได้ตั้งแต่อายุ 12-48 เดือนเป็นผลสำเร็จ
เรียกว่า ทีดาส ( Thai Diagnostic Autism Scale : TDAS ) เป็นเครื่องมือตรวจวินิจฉัยสำหรับเด็กไทยโดยเฉพาะ จากการทดลองใช้ทั้ง 4 ภาคพบว่ามีความแม่นยำสูงได้มาตรฐานเทียบเท่าเครื่องมือระดับนานาชาติ ได้ยื่นจดลิขสิทธิ์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้เป็นเครื่องมือวินิจฉัยภาวะออทิสติกเครื่องมือแรกของประเทศ และเตรียมนำเสนอความสำเร็จนี้ในเวทีประชุมออทิสติกโลก ( International Conference on Autism)ซึ่งจัดที่ประเทศอังกฤษในวันที่ 27-28 กันยายน 2561 นี้ด้วย คาดว่าจะนำใช้ทั่วประเทศในปี 2562 นี้ มั่นใจว่าจะช่วยเด็กที่เป็นออทิสติกได้รับการรักษาเร็วขึ้นตั้งแต่ยังเล็ก จะคลายทุกข์ใจให้พ่อแม่ได้อย่างมาก
ด้านแพทย์หญิงกาญจนา คูณรังษีสมบูรณ์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่กล่าวว่า เด็กที่เป็นออทิสติกที่พบ โดยทั่วไปร้อยละ 50 จะไม่สามารถพูดสื่อสารได้ อีกประมาณร้อยละ 50 จะมีระดับไอคิวต่ำด้วย
ในช่วงขวบปีแรกเด็กมักจะไม่สบตา หน้าตาเฉยเมย เรียกชื่อก็ไม่หันมอง ไม่ยิ้มตอบ ไม่หัวเราะ ไม่ชอบให้อุ้ม ไม่แสดงท่าทีเรียกร้องความสนใจใดๆ ไม่มีภาษาท่าทางเพื่อการสื่อสาร เช่นการชี้นิ้วบอกความต้องการ ค่อนข้างเงียบ ไม่ส่งเสียง ซึ่งเป็นอาการที่ตรงกันข้ามกับเด็กปกติ ประชาชนทั่วไปมักจะพูดว่าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เพราะไม่ค่อยงอแง อาการผิดปกติจะเริ่มเห็นชัดขึ้นในขวบปีที่ 2 เด็กจะพูดเป็นคำๆไม่ได้ และพูดภาษาต่างดาวที่ไม่มีความหมายหรือที่เรียกว่าภาษาจากอน ( Jagon) ที่ตัวเองเข้าใจคนเดียว
เครื่องมือทีดาส สำหรับตรวจวินิจฉัยเด็กที่เป็นออทิสติกของไทยชุดนี้ จะใช้ในระดับโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลเฉพาะทาง เพื่อตรวจวินิจฉัยขั้นยืนยันในกลุ่มเด็กอายุ 12 -48 เดือน ที่ตรวจพบว่ามีพัฒนาการล่าช้าผิดปกติ โดยบุคลากรสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กได้แก่จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กุมารแพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล นักกิจกรรมบำบัด นักจิตวิทยา และนักแก้ไขการพูดสามารถใช้ได้ด้วย
ซึ่งหลักการวินิจฉัยเด็กที่เป็นออทิสติกจะต้องใช้เครื่องมือประเมินเพื่อสังเกตอาการและพฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกประกอบการพิจารณาของแพทย์ด้วย ช่วยให้วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วก่อนอายุ 3 ขวบและได้รับการรักษาฟื้นฟูต่อเนื่อง
ขณะที่ แพทย์หญิงดวงกมล ตั้งวิริยะไพบูลย์ กุมารแพทย์เชี่ยวชาญประจำสถาบันพัฒนาการเด็กฯ กล่าวว่า โครงการวิจัยฯนี้ดำเนินการระหว่างพ.ศ.2559-2561ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ชุดเครื่องมือตรวจวินิจฉัย จะมีชุดอุปกรณ์ของเล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสของเด็กซึ่งได้จากการวิจัยทั้งหมด 12 รายการ
ได้แก่รถยนต์ ลูกบอล หุ่นรูปสัตว์ บล็อกไม้ โทรศัพท์ของเล่น ตุ๊กตาเด็ก ของเล่นเสริมทักษะพัฒนาการ 5 ด้านคือการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กหยิบจับ พัฒนาการภาษา การมอง การใช้มือและการได้ยิน พัดลมตั้งโต้ะจิ๋ว กล่องใส ชุดเป่าฟองสบู่ ชุดเครื่องครัวและอาหารจำลอง และผ้าสี่เหลี่ยม รวม 47 ชิ้น
ใช้ต้นทุนผลิต 10,500 บาท การใช้จะต้องใช้ 2 ส่วนประกอบกันคือ1.การสัมภาษณ์ผู้ปกครองครอบคลุมทั้งด้านความบกพร่องในการสื่อสารปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กในหลายๆสถานการณ์ และด้านพฤติกรรมความสนใจของเด็ก และ2.การสังเกตพฤติกรรม
โดยบุคลากรจะสังเกตเด็กขณะเล่นชุดเครื่องมือใน 6 กิจกรรมทดสอบ ได้แก่ 1. กิจกรรมการเล่นอิสระ 2. กิจกรรมการเรียกชื่อ 3.กิจกรรมเก็บของเล่นใส่กล่อง 4.กิจกรรมเป่าฟองสบู่ 5. กิจกรรมทำอาหาร 6.กิจกรรมจ้ะเอ๋ และปูไต่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที