กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 26 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,198.50-1,202.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,500 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,500 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,540 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,530 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.49 น. ของวันที่ 26/09/61)
แนวโน้มวันที่ 27 กันยายน 2561
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่พอใจกับยอดเกินดุลการค้า 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ของญี่ปุ่นกับสหรัฐ ซึ่งเกือบสองในสามมาจากการส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่น ทั้งนี้ นายโทชิมิทสึ โมเทกิ รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ระบุหลังประชุมกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐบรรลุความเข้าใจร่วมกันในวงกว้างเกี่ยวกับวิธีส่งเสริมการค้าระดับทวิภาคีและอาจประกาศรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการค้าลดลง ซึ้งบ่งชี้ว่าทั้งสองฝ่ายพยายามบรรลุข้อตกลงแบบสองฝ่าย ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่าและหนุนราคาทองคำ นอกจากนี้สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากสัญญาณว่าพรรครัฐบาลผสมของอิตาลีมีแนวโน้มบรรลุการประนีประนอมเกี่ยวกับงบประมาณปี 2562 หนุนหุ้นและพันธบัตรอิตาลี โดยดัชนี FTSE MIB ของอิตาลีปรับขึ้นประมาณ 1.5% ซึ่งทำผลงานเหนือตลาดในวงกว้าง อย่างไรก็ตามราคาทองคำขยับขึ้นอย่างจำกัด เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐสร้างความไม่ชัดเจนให้กับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกต่อไป ซึ่งได้กระตุ้นให้นักลงทุนคาดว่าดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนและราคาทองคำจะยังคงได้รับแรงกดดัน โดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของจีนให้มุ่งเน้นตลาดมากขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ในขณะที่การดำเนินการเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้ในขณะนี้ แนะนำนักลงทุนติดตามกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ไตรมาส 2/2561 ในวันพฤหัสบดีนี้ หากปรับตัวดีขึ้น ด้วยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ดอลลาร์จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว จนอาจเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำ เบื้องต้นมีมุมมองต่อราคาทองคำว่า ในขณะนี้ราคาทองคำพยายามขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,207-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ ก็จะเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมาบริเวณแนวรับ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำพยายามพยุงราคาและพยายามตั้งฐาน หลังจากการปรับตัวลงมาของราคาอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้า โดยถ้าราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับนักลงทุนยังสามารถเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะสั้นเพื่อหวังเก็งกำไรจากจังหวะการดีดตัว ซึ่งคาดการณ์แนวรับที่ระดับราคา 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์และหากยืนได้จะเกิดแรงซื้อตามให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับราคา 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำหลุดแนวรับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อเพิ่มเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,191 (18,250บาท) 1,187 (18,150บาท) 1,175 (18,000บาท)
แนวต้าน 1,207 (18,500บาท) 1,214 (18,650บาท) 1,228 (18,850บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,191 (18,410บาท) 1,187 (18,350บาท) 1,175 (18,160บาท)
แนวต้าน 1,207 (18,660บาท) 1,214 (18,760บาท) 1,228 (18,980บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999