กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.)ในฐานะหัวหน้าภูมิภาค (Hub) อาเซียนเปิดเผยว่า อาเซียนได้ปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าใหม่ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วง ไตรมาสแรกของปี 2551 ทั้งในส่วนของกฎทั่วไป และกฎเฉพาะ ที่เอื้อต่อการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรมากขึ้น จึงคาดว่าจะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการส่งออกของไทยและการใช้สิทธิภายใต้ฟอร์มดีไปยังอาเซียนก็คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตระหนักดีถึงความสำคัญของการค้าระหว่างกัน และต้องการอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศสมาชิกให้มากที่สุด โดยหลังจากที่มีการทำความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา อาเซียนก็ได้ทำความตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ได้แก่ เกาหลี จีน และล่าสุดกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น เขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเห็นความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าเดิมที่สมาชิกเคยตกลงกันไว้ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าได้เทียบเท่าหรือมากกว่าความตกลงที่อาเซียนให้ไว้กับประเทศคู่ค้าอื่นนอกภาคี
ขณะนี้ อาเซียนอยู่ในระหว่างการปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งมีทั้งกฎทั่วไป (General Rule) และกฎเฉพาะ (Product Specific Rule: PSR) รวมทั้งระเบียบปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้มากขึ้น ในส่วนของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดเฉพาะมีสินค้าจำนวน 1,463 รายการ ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 นั้น ผู้ส่งออกสามารถติดตามดูรายละเอียดของรายการสินค้าและกฎฯใหม่ ได้ที่ http://www.aseansec.org/17281.htm
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าทั่วไปใหม่ จะมีการเปลี่ยนแปลงจากการใช้สัดส่วนมูลค่าเพิ่มร้อยละ 40 เพียงกฎเดียว มาเป็น การใช้สัดส่วนมูลค่าเพิ่มร้อยละ 40 หรือการเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราศุลกากรในระดับ 4 หลัก (ระดับประเภท หรือ Change in Tariff Heading: CTH) นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำกฎเฉพาะของสินค้าอีกกว่า 3,500 รายการ ซึ่งคาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ในไตรมาสแรกของปี 2551 นี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตมีทางเลือกในการผลิตสินค้าให้ได้แหล่งกำเนิดมากขึ้น โดยคาดว่าสินค้าที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้กฎใหม่นี้ ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี อาหารสำเร็จรูป ประมงแปรรูป วงจรพิมพ์ สิ่งทอ และเหล็ก เป็นต้น จึงคาดว่าการส่งออกโดยใช้สิทธิพิเศษจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สำนักส่งเสริมและพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการค้า โทร. 1385 หรือ 0-2547-4872 โทรสาร 0-2547-4816, www.dft.go.th, Email: tpdft@moc.net.moc.go.th.