กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน (Private Equity Trust for SME Growing Together) เข้าร่วมลงทุนใน 'ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น' ผู้นำธุรกิจธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม อุปกรณ์เครื่องจักรขนาดใหญ่ และให้คำปรึกษาด้านการดูแลและซ่อมบำรุง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Factory Automation Provider ของไทย เตรียมรุกให้บริการซ่อมแซมเครื่องจักร และระบบการผลิตอัตโนมัติ อย่างครบวงจรให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ดันรายได้เติบโตและเตรียมความพร้อมแผนงานเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต
นางกัลยาณี คงสมจิตร รองประธานกรรมการ บริษัททีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม อุปกรณ์เครื่องจักรขนาดใหญ่ และให้คำปรึกษาด้านการดูแลและซ่อมบำรุง ภายใต้แนวคิด 'Number 1 F.A. Solutions Provider in Thailand' เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตกลงเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 'กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน' (Private Equity Trust for SME Growing Together) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่จัดตั้งขึ้นโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัทขนาดกลางที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยจะให้การสนับสนุนเงินทุน กลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการสร้างช่องทางการขยายธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต
ล่าสุด กองทรัสต์ฯ จะนำเงินเข้าลงทุนใน ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น เพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคตและเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีบริษัท แฮตตัน อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้รับแต่งตั้งจากกองทรัสต์ฯ ให้เป็นที่ปรึกษา
ทั้งนี้ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งในปี 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจจัดหาชิ้นส่วนและอุปกรณ์เครื่องจักรให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และต่อยอดด้านบริการแก่ลูกค้า ทั้งการให้คำปรึกษาและจัดหาอุปกรณ์ในการซ่อมแซมเครื่องจักรขนาดใหญ่ และสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 100 ล้านบาท
สำหรับการให้บริการของบริษัทฯ มี 3 รูปแบบ คือ 1. การจัดจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักร 2. เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมภายใต้แบรนด์ของคู่ค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียงในระดับโลก กว่า 40 แบรนด์ ในประเทศไทย อาทิ Yaskawa Robot, New Cosmos, Graco, IDEC, APISTE, Yamaha Robotic ฯลฯ และ 3. งานให้คำปรึกษาและบริการด้านการซ่อมแซมและติดตั้งเครื่องจักร โดยบริษัทฯ สามารถจัดหาอุปกรณ์ซ่อมแซมเครื่องจักรได้ในระยะเวลาอันสั้น จากระบบการเชื่อมโยงระบบออนไลน์กับพันธมิตรในต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถจัดส่งอุปกรณ์จากต่างประเทศได้ทันที ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดระยะเวลาการซ่อมแซมเครื่องจักรโดยไม่กระทบกับไลน์การผลิตที่ต้องหยุดชะงักหากเครื่องจักรไม่สามารถเดินเครื่องต่อได้
โดยปัจจุบันนอกจากมีสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว บริษัทฯ ได้ขยายสาขาในภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ สาขาภาคเหนือ จังหวัดลำพูน, สาขาภาคตะวันออก จังหวัดระยองและสาขาภาคกลาง (สุวรรณภูมิ) จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งในจัดทำเป็นคลังสินค้า และศูนย์กลางในการประจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตและรองรับการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมจากโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ของรัฐบาล การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค นโยบายภาครัฐในเรื่องการพัฒนาประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0
นายนิวัตน์ คงสมจิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัททีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การที่กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกันได้เข้าลงทุนในบริษัทฯ จะเป็นกลไกสำคัญที่สร้างการเติบโตในอนาคต เนื่องจากเมื่อบริษัทฯ ได้รับเงินทุนเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการขยายธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนงาน ทั้งการสร้างการเติบโตจากภายในองค์กรและการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยสร้างการเติบโต ทั้งรูปแบบการเข้าร่วมลงทุนหรือการซื้อกิจการเพื่อต่อยอดการเติบโต โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 18% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 508 ล้านบาท และตั้งเป้าจะมีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทในอนาคต บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยที่มีเป็นจำนวนมาก และเพิ่มศักยภาพการเติบโตเพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปในอนาคต พร้อมกับมีแผนในการนำเงินทุนนี้มาพัฒนาระบบคลังสินค้าของทีเคเค ให้มีความทันสมัย มีสินค้าในระบบออโตเมชั่น ที่มีความครบครัน และครบวงจรมากที่สุดในประเทศ รวมถึงการจัดตั้งศูนย์การฝึกอบรมด้านอุตสาหกรรม เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาความรู้และทักษะฝีมือของบุคลากรในอุตสาหกรรมในประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV เผื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็น Number 1 Factory Automation Solutions Provider ทั้งในประเทศไทยและใน ASEAN
นายธวัช กิจกังวาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮตตัน อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารกิจการเงินร่วมลงทุน (private equity) ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อคัดเลือกกิจการเพื่อให้กองทรัตส์เข้าลงทุนในกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน เปิดเผยว่า การตัดสินใจเข้าลงทุนใน ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น เพราะเห็นโอกาสการเติบโตในอนาคต จากความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ความมุ่งมั่นใส่ใจในการดูแลลูกค้าและมีระบบบริหารจัดการที่ดี โดยสามารถเข้าดูแลลูกค้าเพื่อตรวจเช็คความต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องจักร พร้อมกันนี้ยังสามารถส่งคำสั่งซื้อชิ้นส่วนและจัดส่งอุปกรณ์เครื่องจักรได้จากพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่นโดยตรงผ่านระบบออนไลน์ ทำให้การจัดส่งอุปกรณ์เครื่องจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถึงมือลูกค้าได้ภายใน 2 วันทำการ
นอกจากนี้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ยังได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตในอนาคต โดยหลังจากนี้กองทุนฯ จะเข้ามาเสริมศักยภาพให้แก่ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ทั้งการให้คำปรึกษาด้านการเงินเพื่อสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ 1,000 ล้านบาท การเข้าควบรวมหรือเข้าลงทุนในบริษัทอื่นๆ ซึ่งทางกองทุนฯ จะช่วยพิจารณาและสนับสนุนการเติบโตเพื่อให้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น สามารถนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน (Private Equity Trust for SME Growing Together) โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทยจำกัด (มหาชน) ตั้งขึ้นเพื่อเข้าร่วมลงทุนในบริษัทขนาดกลาง โดยมีขนาดกองทุนฯ รวมประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่ SMEs ในประเทศไทย นำไปขยายธุรกิจและสร้างการเติบโต โดยมี แฮตตัน อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส (ประเทศไทย) ที่ได้รับแต่งตั้งจากกองทรัสต์ฯ เป็นหนึ่งในที่ปรึกษา พิจารณาคัดเลือกกิจการที่จะให้กองทรัสต์ฯ เข้าลงทุน