กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--Med Agency
โรคไส้ติ่งอักเสบ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ดังนั้นผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบต้องได้รับการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก หากไม่ได้รับการรักษาแล้วจะมีอัตราการตายสูงซึ่งสาเหตุเกิดจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และ ภาวะช็อค ซึ่งควรรู้ว่าโรคไส้ติ่งอักเสบ มีอาการอย่างไร เพราะมีผู้เสียชีวิตหลายรายที่ไม่ทราบว่าเป็นโรคดังกล่าว
ล่าสุด กอง บ.ก.เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยไส้ติ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ระหว่างลำไส้เล็กตอนปลายและลำไส้ใหญ่ตอนต้น ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ทั้งนี้ภาวะการอักเสบในไส้ติ่งเกิดจากการอุดตันภายในไส้ติ่งซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง เศษอุจจาระขนาดเล็กที่ทำให้ไส้ติ่งเกิดการติดเชื้อและบวมขึ้น หรือเป็นก้อนเนื้อมะเร็ง หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกายรวมทั้งต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งเกิดปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขยายตัวขึ้นจนไปปิดกั้นไส้ติ่งทำให้เกิดอาการอักเสบเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและอันตรายถ้าหากไม่ได้รับการรักษาไส้ติ่งที่อักเสบจะแตก ทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในไส้ติ่งสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อาจเข้าสู่กระแสเลือดจนทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ขณะที่ นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ระบุว่า อาการเสี่ยงต่อการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ได้แก่ มีอาการปวดอย่างเฉียบพลันที่บริเวณรอบสะดือ ต่อมาย้ายไปปวดที่ท้องด้านล่างขวาเนื่องจากการอักเสบที่ลุกลามมากขึ้นโดยจะมีอาการปวดมากขึ้นขณะที่ไอ เดิน หรือแม้แต่ขยับตัวคลื่นไส้ อาเจียนเบื่ออาหารอาจมีไข้มีอาการท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องอืดร่วมด้วยตลอดจนมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้น เพราะจากการอักเสบที่มากขึ้นของไส้ติ่งไปกระตุ้นท่อไตของระบบทางเดินปัสสาวะ
ซึ่งอยู่ใกล้กันทั้งนี้ผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากหากเข้าสู่ระยะรุนแรงไส้ติ่งที่อักเสบสามารถแตกได้ภายใน 48-72 ชั่วโมงซึ่งจะต้องได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งอย่างเร่งด่วน
สำหรับการผ่าตัดมี 2ประเภท คือ 1. การผ่าตัดแบบส่องกล้องในระยะไม่รุนแรง เป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที 2. การผ่าตัดแบบเปิด ในกรณีระยะรุนแรงถึงขั้นไส้ติ่งแตก ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐานเพราะนอกจากจะต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังต้องทำความสะอาดภายในช่องท้อง และใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ จึงทำได้แค่เพียงลดความเสี่ยงเท่านั้น โดยป้องกันไม่ให้มีอาการท้องผูกรับประทานผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง นอกจากนี้ หากพบว่ามีอาการติดเชื้อหรือการอักเสบที่ลำไส้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เนื่องจากการอักเสบนั้นอาจลุกลามไปถึงไส้ติ่งได้เช่นกัน