กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 28 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,180.63-1,185.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,200 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,190 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 250 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,440 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.12 น. ของวันที่ 28/09/61)
แนวโน้มวันที่ 01 ตุลาคม 2561
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมกลุ่มนักธุรกิจในรัฐโร้ดไอส์แลนด์ ระบุไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วง 2 ปีข้างหน้า พร้อมระบุว่า Fed กำลังจับตาทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีดอลลาร์ทะยานขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ 6 สกุล โดยปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ จนราคาเคลื่อนไหวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ นอกจากนี้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเพิ่ม เมื่อข้อมูลการนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงลดลง 29% ในเดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติฮ่องกงระบุว่า การนำเข้าผ่านฮ่องกงสู่จีน ร่วงสู่ 31.857 ตันในเดือนส.ค. จาก 44.802 ตันใน เดือนก.ค. การนำเข้าทองคำทั้งหมดผ่านฮ่องกงร่วง 30% สู่ 34.22 ตันในเดือนส.ค.จาก 48.635 ตันใน เดือนก.ค. ยืนยันว่า จีนควบคุมโควต้าการนำเข้าสำหรับธนาคาร ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ อย่างไรก็ตามราคาทองคำได้รับแรงหนุนบ้างจากข้อมูลล่าสุดของสภาทองคำโลก ที่แสดงให้เห็นว่าอุปสงค์ทองคำของชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้ทองคำอันดับที่ 4 ของเอเชีย หรือ เป็นอันดับ 8 ของโลก ในปี 2560 บ่งชี้ว่าความต้องการพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในไตรมาสเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 10% สู่ 11.2 ตัน ขณะที่นายอารี พราโบโว อริโอเทดโจ ประธานบริหารบริษัท Antam ระบุว่า ยอดขายทองคำภายในประเทศของบริษัทดังกล่าว แข็งแกร่งเป็นพิเศษในไตรมาสที่ 3 โดยปรับขึ้นสู่ 2.2 ตันในเดือนก.ค. และ 2.6% ในเดือนส.ค. เพิ่มจากจากปกติ 1.1 ตันต่อเดือน นอกจากนี้แนะนำให้ติดตามแรงซื้อแรงขายในช่วงตลาดเอเชียอาจเบาบางลง เพราะตลาดเงินตลาดทุนของจีนจะปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1-5 ตุลาคมนี้ เนื่องในวันชาติของจีน และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม แนะนำการลงทุนให้เน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้น ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำให้ลงสู่แนวรับในระดับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้น โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,175 (18,000บาท) 1,160 (17,750บาท) 1,151 (17,600บาท)
แนวต้าน 1,191 (18,250บาท) 1,200 (18,400บาท) 1,211 (18,550บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,175 (18,090บาท) 1,160 (17,860บาท) 1,151 (17,720บาท)
แนวต้าน 1,191 (18,340บาท) 1,200 (18,480บาท) 1,211 (18,650บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999