กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 02 ตุลาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,188.10-1,194.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 150 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,370 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 180 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,190 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.09 น. ของวันที่ 02/10/61)
แนวโน้มวันที่ 03 ตุลาคม 2561
จีนและสหรัฐเดินหน้าทำสงครามการค้าระหว่างกัน โดยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าของอีกฝ่ายหลายครั้ง และมีแนวโน้มที่ความตึงเครียดทางการค้าอาจจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐระบุว่า "เป็นการเร็วเกินไป" สำหรับสหรัฐในการเจรจากับจีนเกี่ยวกับการจัดทำข้อตกลงการค้า ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาษีสหรัฐยังไม่สร้างความกดดันเพียงพอที่จะให้จีนยอมอ่อนข้อในการเจรจา ประเด็นดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 95.373 ที่ทำไว้ในครั้งก่อน ขณะที่นายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจทำเนียบขาวระบุผ่านการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสนิส เน็ตเวิร์ค ว่าปธน.ทรัมป์ของสหรัฐอาจพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จี 20 ณ กรุงบัวโนสไอเรส ในวันที่ 30 พ.ย. การเจราจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน ที่ยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ส่งผลให้นักลงทุนกล้าถือครองดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นและลดการถือครองทองคำลง นอกจากนี้ หลังจากที่ได้มีการบรรลุข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือฉบับปรับปรุงแล้ว ปธน.ทรัมป์เพิ่มอินเดียและบราซิลในรายชื่อประเทศที่เขามองว่า ปฏิบัติต่อสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรมในแง่การค้า รวมถึงวิจารณ์กลยุทธ์การค้าของอินเดียและบราซิล โดยระบุว่า บราซิลอาจเป็นประเทศที่แข็งกร้าวมากที่สุดในโลกในแง่ของการกีดกันทางการค้า ซึ่งบราซิลเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ในทวีปอเมริการองจากสหรัฐ นอกจากนั้นปธน.ทรัมป์ มองว่า อินเดียเก็บภาษีจำนวนมากกับสหรัฐ โดยทรัมป์ระบุว่า สหรัฐส่งรถจักรยานยนต์ Harley Davidson และสิ่งอื่นๆไปยังอินเดีย ซึ่งเขามองว่าอินเดียเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวในระดับสูงมาก และรัฐบาลอินเดียใช้ระบบกีดกันการค้ามากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความตึงเครียดทางการค้ายังคงเป็นแรงหนุนดอลลาร์และสร้างแรงกดดันในตลาดทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,200-1,204 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีการเคลื่อนไหวในกรอบ คาดการณ์ว่าราคาทองคำพยายามพยุงราคาและพยายามตั้งฐานของราคา โดยถ้าราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับนักลงทุนยังสามารถเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะสั้นจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งคาดการณ์แนวรับที่ระดับราคา 1,184-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับราคา 1,200-1,204 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากราคาทองคำหลุดแนวรับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,180 (18,050บาท) 1,171 (17,900บาท) 1,160 (17,730บาท)
แนวต้าน 1,204 (18,420บาท) 1,214 (18,570บาท) 1,228 (18,780บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,180 (18,160บาท) 1,171 (18,020บาท) 1,160 (17,850บาท)
แนวต้าน 1,204 (18,530บาท) 1,214 (18,680บาท) 1,228 (18,900บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999