“บล.ไอร่า” ประเมินดัชนหุ้นไทยเดือน ต.ค.ลุ้นแตะ 1,798 จุด สะท้อนปัจจัยเฟดขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจในประเทศ-เลือกตั้งเดินหน้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 3, 2018 10:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บล.ไอร่า มองหุ้นไทยเดือนต.ค. ฟื้นตัวไปทดสอบแนวต้าน 1,798 จุด หลังตลาดสะท้อนปัจจัยเฟดขึ้นอกเบี้ย และทยอยขึ้นต่อเนื่องในปี 62 บวดปัจจัยบวกเศรษฐกิจในประเทศ การเลือกตั้งเดินหน้าตามแผน 24 ก.พ. 62 แนะจับตาปัญหาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และกสนเลือกตั้งกลางเทอมของสกรัฐในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้อาจจะมีผลต่อคะแนนเสี่ยงของ ทรัมป์ พร้อมแนะกลยุทธ์เก็งกำไรหุ้น กลุ่มสื่อสาร อานิสงส์จากการประมูลคลื่น 900MHz และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อานิสงส์เปิดประมูลโครงการต่างๆ และหุ้นผลงานครึ่งปีหลังโต ชู BR-KTB-SPA-STEC-SVI- TOP นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนตุลาคม มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น โดยให้กรอบดัชนี 1,736 - 1,766 จุด โดยมีแนวต้านเป้าหมายถัดไปที่บริเวณ 1,798 จุด หลังตลาดส่วนใหญ่สะท้อนประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่คาดต่อเนื่องถึงปี 62 พร้อมคาดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง สามารถรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขณะที่คาดหุ้นกลุ่มพลังงาน ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่คาดทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับขึ้นของดัชนีอาจอยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะต่อวงเงินรอบใหม่ อีก 267,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25% รวมถึงประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ จากการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย. ที่อาจมีผลต่อที่นั่งในสภาคองเกรส และอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนประเด็นในประเทศ ที่ส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นฝยเดือนนี้ อาธิ การเลือกตั้งที่มีความชัดเจนในวันที่ 24/2/62 ตามลำดับ คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศ และการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/2561 โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรกทยอยประกาศกลางเดือนต.ค.นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector จนถึงกลางเดือน พ.ย.61 รวมถึงThailand Future Fund มูลค่า 45,000 ล้านบาท แผนขายหน่วยลงทุน 12 – 19 ต.ค. นี้ และซื้อขายในตลาดฯ 31/10/61 เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ด้านปัจจัยต่างประเทศ ล่าสุด Fund Flow เดือนก.ย. 61 ต่างชาติขายสุทธิ 7,756 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่องจากเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งต่างชาติขายสุทธิ สูงถึง 51,859 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายสุทธิ 9 เดือนแรกปี 61 รวม 208,874 ล้านบาท หรือประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามคาดเงินลงทุนบางส่วนพักอยู่ในตราสารหนี้ จากยอดซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดพันธบัตร YTD ประมาณ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 คาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรจากกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศออกมา สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือนตุลาคมนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หลังมติ กนง. ล่าสุด 5 ต่อ 2 (เพิ่มจากครั้งก่อนที่มีเพียง 1 เสียง) เห็นด้วยให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมส่งสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง หลังแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมาย 2.5 ±1.5% (ล่าสุด ส.ค. 61 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.62%) คาดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วสุดมีโอกาสเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ รวมถึง นโยบายการเงินสหรัฐเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงปี62 อย่างไรก็ตามคาดมีความเสี่ยงจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เฟดพิจารณาเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าความคาดหมาย และสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังสหรัฐฯ ยังมีแผนเรียกเก็บ วงเงินเพิ่มอีก 267,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดโดยรวมสหรัฐฯ เรียกเก็บสินค้าทุกรายการที่นำเข้าจากจีน หรือคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด ประมาณ 517,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือนตุลาคม เก็งกำไรหุ้นเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร อานิสงส์จากการประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งกำหนดยื่นซอง 8 ตุลาคม 61 และกำหนดวันประมูล 20 ตุลาคม 61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 1 ราย หรือ 3 พฤศจิกายน 61 หากมีผู้เข้าร่วมประมูลเพียง 1 ราย หุ้น และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อานิสงส์จากโครงการต่างๆ ที่ทยอยเปิดประมูลช่วง ต.ค. – พ.ย. เช่น ทางด่วนพระราม 3- วงแหวนรอบนอก มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท กำหนดยื่นซอง 12 พฤศจิกายน 61 นอกจากนี้ยังแนะนำ "ทยอยสะสม" หุ้นที่มีความน่าสนใจจากปัจจัยเฉพาะตัว รวมถึงผลประกอบการคึงปีหลัง 61 มีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก 61 พร้อมกับการเติบโตต่อเนื่องในปี 62 ได้แก่ BR, KTB, SPA, STEC, SVI และ TOP เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ