เริ่มต้นปีหนู สังเวย 74 คน รวม 5 วัน 336 คน

ข่าวทั่วไป Wednesday January 2, 2008 13:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ม.ค.--ปภ.
ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปอุบัติเหตุทางถนนเริ่มต้นปีใหม่ (1 ม.ค.51) เกิดอุบัติเหตุ 804 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 74 คน บาดเจ็บ 903 คน เมาแล้วขับเกิดอุบัติเหตุสูงสุด รวม 5 วัน (วันที่ 28 ธ.ค.50 — 1 ม.ค. 51 ) มีผู้เสียชีวิต 336 คน ขอนแก่นมีผู้เสียชีวิตรวมสูงสุด 18 คน เชียงรายเกิดอุบัติเหตุมากสุด 123 ครั้ง พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจฝั่งขาเข้าเข้มงวดการตรวจจับเรื่องการขับรถเร็ว และรถที่บรรทุกเกินอัตราเป็นพิเศษ และให้ทุกจังหวัดตรวจสอบเส้นทางจุดเสี่ยงพร้อมทำป้ายเตือนแสดงให้เห็นชัดเจน
นางจรวยพร ธรนินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประธานแถลงข่าว สถิติผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 วันที่ 1 มกราคม 2551 ณ ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่า เริ่มต้นปีใหม่ 2551 เกิดอุบัติเหตุ 804 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 74 คน ผู้บาดเจ็บ 903 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 35.5 รองลงมา ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 14.6 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 84.7 รองลงมา ได้แก่ รถปิคอัพ ร้อยละ 7.5 อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนทางตรงของถนนนอกเขตทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 34.3 และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เวลา 16.01 — 20.00 น. คิดเป็นร้อยละ 26.9 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุพรรณบุรี 32 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ นครปฐม 30 ครั้ง และอุดรธานี 26 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ปราจีนบุรี จังหวัดละ 8 คน รองลงมา ได้แก่ นครปฐม นครสวรรค์ นครราชสีมา และเชียงใหม่ จังหวัดละ 3 คน จังหวัดที่ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ยโสธร และสมุทรปราการ จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 39 คน รองลงมา ได้แก่ สุพรรณบุรี 34 คน นครปฐม และตรัง จังหวัดละ 30 คน
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน (วันที่ 28 ธ.ค. 50 — 1 ม.ค.51 ) มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น รวม 3,627 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 58 ครั้ง ร้อยละ 1.63 ผู้เสียชีวิตรวม 336 คน น้อยกว่าปี 2550 จำนวน 15 คน ร้อยละ 4.27 ผู้บาดเจ็บรวม 3,984 คน มากกว่าปี 2550 จำนวน 14 คน ร้อยละ 0.35 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดในช่วง 5 วัน ได้แก่ เชียงราย 123 ครั้ง รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์ 111 ครั้ง และนครปฐม 110 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น 18 คน รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพฯ 17 คน และนครปฐม 16 คน จังหวัด ที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 132 คน รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์ 127 คน และนครราชสีมา 125 คน จังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต มี 5 จังหวัด ได้แก่ มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน สตูล ปัตตานี และนราธิวาส
ในการเรียกตรวจตามมาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร มีการเรียกตรวจ 1,700,600 คัน พบการกระทำผิดและดำเนินคดี จำนวน 41,812 คน เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนยานพาหนะที่เรียกตรวจ พบว่า ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 8.27 รองลงมา ได้แก่ มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย ร้อยละ 3.19 ร้อยละของผู้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีแต่ละมาตรการ ได้แก่ ไม่มีใบขับขี่ ร้อยละ 35.07 รองลงมา ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 32.07 โดยในวันที่ห้าของช่วง 7 วันระวังอันตราย มีการจัดตั้งจุดตรวจ รวม 3,086 จุด เฉลี่ย 3.33 จุดตรวจ/อำเภอ เฉลี่ย 29 คน/จุดตรวจ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจ รวม 90,425 คน สำหรับการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มีการจัดตั้งจุดตรวจในหมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน 8,062 จุด มีการจัดตั้งจุดบริการประชาชน 3,307 จุด และตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมฯ จังหวัด/อำเภอ 973 จุด
นางจรายพร กล่าวต่อว่า เนื่องจากวันนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานครหรือกลับบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการร่วมฯ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจฝั่งขาเข้า ให้ข้มงวดในการตรวจจับความเร็ว และรถที่บรรทุกเกินอัตรา เนื่องจากในช่วง 5 วันที่ผ่านมา พบว่าอุบัติเหตุใหญ่เกิดจากสาเหตุ ดังกล่าวถึงร้อยละ 70 ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ส่วนใหญ่ประชาชนเป็นผู้นำส่งโรงพยาบาล จึงขอขอบคุณประชาชนที่มีน้ำใจช่วยเหลือต่อผู้ร่วมทาง แต่หากพบว่ามีผู้บาดเจ็บสาหัสขอให้แจ้งหน่วยการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS) สายด่วน 1669 เพราะมีเครื่องมือทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความชำนาญพร้อมให้การช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บ พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งแขวงการทางและทางหลวงชนบทจังหวัด เร่งตรวจสอบเข้มงวดเส้นทางจุดเสี่ยง และทำป้ายเตือนเส้นที่จุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางที่อาจเกิดขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ