กรุงเทพฯ--4 ต.ค.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยได้แสดงความกังวลถึงโอกาสที่ปัญหาสินค้าเหล็กจากจีนไหลทะลักเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนจะมีการทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จากการที่จีนได้มีการปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสำหรับสินค้าจำนวน 397 รายการ โดยจากรายการทั้งหมดมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็กจำนวน 85 รายการ เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ความหนามากกว่า 3 มม. ที่มีค่า yield strength > 355 นิวตัน / มม.2 ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก9% เป็น 13% หรือเหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม. ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 0 เป็น 9% หรือท่อเหล็กและท่อเหล็กหล่อบางส่วนได้เพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13%
นอกจากนี้ยังมีสินค้าสำเร็จรูปบางรายการมีการปรับเพิ่มการคืนภาษีส่งออกเช่นกัน เช่น สินค้ากลุ่มตะปูปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 9% หรือสินค้ากลุ่มสิ่งก่อสร้าง เช่น สะพาน และส่วนของสะพาน หรือ อุปกรณ์สำหรับนั่งร้าน เสาค้ำหรือสิ่งค้ำยันในการก่อสร้าง ปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 13% ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการอุดหนุนการส่งออกที่ไม่เป็นธรรม และถ้าสินค้าดังกล่าวอาศัยการคืนภาษีส่งออกเพิ่มปริมาณมายังประเทศไทยก็อาจทำลายห่วงโซ่การผลิตสินค้านั้นในประเทศไทย โดยการปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 61
นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดให้ความเห็นว่าควรเร่งรัดการกำหนดมาตรการที่ป้องกันปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป ซึ่งหากประเทศใดไม่มีมาตรการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่แข็งแรงพอก็จะมีความเสี่ยงสูงที่สินค้าจากจีนจะไหลทะลักเข้ามายังประเทศของตนได้ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศได้