กรุงเทพฯ--2 ม.ค.--สมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักประชาสัมพันธ์ คาดการณ์แนวทางสื่อสาร ปี 2008 ธุรกิจประชาสัมพันธ์มีโอกาสโต สวนกระแสเศรษฐกิจ เริ่มเห็นชัด ไตรมาส 2 ภาคเอกชน ไม่รอการเมืองนิ่ง ขอปรับเป้าหมายก่อน PR Event มาแรงสุด โหนกระแส CSR สร้างองค์กรให้เป็นคนดีของสังคม
ในรอบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับหลายปัจจัย ทั้งด้านการเมือง สภาวะเงินบาท การปรับราคาน้ำมัน ขณะเดียวกันภาครัฐเอง ก็มีความเข้มงวดขึ้น ทั้งในการควบคุมเวลาการออกอากาศในธุรกิจบางประเภท การปรับปรุงองค์กรสื่อ การเพิ่มมาตราการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งวิธีการและเนื้อหา ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐเองต่างให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อันเป็นผลให้ผู้ประกอบการในภาคเอกชนทุกขนาดเกิดการตื่นตัว พยายามปรับวิธีการบริหารต้นทุน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่รอนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะงบประมาณ และวิธีการ ด้านการสื่อสารขององค์กร พร้อมปรับเป้าหมายทางธุรกิจขยายตัวสูงขึ้น
ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลจาการชะลอนโยบายและการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐในรอบปีที่ผ่านมา ส่งผลทั้งภาคราชการและเอกชน ที่ต้องการความชัดเจนทางการเมือง ต่อการบริหาร ตัดสินใจ การลงทุน เหล่านี้ต่างส่งผลถึงการใช้จ่ายในภาคประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามในวงการสื่อสาร ก็ถือว่ามีความคึกคักพอสมควรอันผลมาจากการแข่งขันทางธุรกิจ ด้วยมูลค่าของการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ในปีที่ผ่านมาด้วยมูลค่าถึง 70,000 ล้านบาท ที่มาจากสินค้าอุปโภค บริโภค เช่น เครื่องสำอาง รถยนต์ วัตถุมงคล ธุรกิจภาคบริการต่างๆ รวมถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเลือกตั้งและมีความชัดเจนทางด้านการเมือง ยิ่งเร็วเท่าไร ก็จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่น รวมถึงปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของประเทศที่มีอยู่ จะก่อให้เกิดการตัดสินใจ การลงทุน การขยายตัวทางธุรกิจ ส่งผลให้เม็ดเงินทางด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามลำดับ
แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจ ของปี 2008 ยังไม่อยู่ในภาวะที่ดีมากนัก เนื่องจากหลายปัญหาที่ทับถมอยู่ ยังไม่สามารถแก้ไขได้ทันที แต่ก็เป็นความท้าทายเร่งด่วนของภาครัฐ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจส่วนใหญ่ต่างมีการปรับกลยุทธ์ แผนธุรกิจรองรับ และเป้าหมายทางการตลาดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาในส่วนของการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคที่ชะลอตัวมานาน
ในส่วนของการประชาสัมพันธ์นั้น จะเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนขององค์กร มากกว่าการสื่อสารในแบบอื่นๆ แต่จะมีรูปแบบ พัฒนาการ ที่แตกต่างจากเดิม การประชาสัมพันธ์ ที่เป็นมากกว่าการจัดทำข่าวสาร การแถลงข่าว การผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ การบริหารข้อมูลข่าวสาร สื่อมวลชนสัมพันธ์ ฯ สู่การจัดการประเด็น เนื้อหา ข้อมูลต่างๆไปยังกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ทั้งในระดับโลก ประชากรไทยมากกว่า 63 ล้านคน ที่มีการแยกตามพื้นที่ ช่วงวัย การศึกษา ประเภทของความสนใจ รูปแบบการใช้ชีวิต ด้วยการกำหนดประเด็น ออกแบบเนื้อหา ข้อมูล ด้วยวิธีการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมร่วมการสื่อสารทางการตลาดมากขึ้น การจัดกิจกรรมเพื่อการประชาสัมพันธ์ ( PR Event ) จะมีความถี่มากกว่าเดิม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้จากประสบการณ์จริง จากการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างองค์กร สินค้า บริการ กับประชากรเป้าหมายหรือผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยการใช้กิจกรรมที่เหมาะสม สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และใช้เป็นปัจจัยในการวางแผนการสื่อสารทั้งในด้านประเภทกิจกรรม แนวทางการสื่อสาร สถานที่ ด้วยการคำนึงถึงความสามารถในการขยายผลได้ในหลายมิติ
นอกจากนี้ กระแส CSR ( Corporate Social Responsibility ) หรือแนวคิดในการรับผิดชอบต่อสังคม ได้เป็นภารกิจขององค์กรต่างๆ ที่จะดำเนินกิจการด้วยความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมต่อสังคม ถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญขององค์กร ซึ่งองค์กรจะต้องมีความจริงใจในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ โดยไม่เกี่ยวเนื่องกับแผนทางการตลาด การแสดงความมุ่งมั่นขององค์กรต่อการผลักดันสังคมอย่างต่อเนื่องในทิศทางที่สอดคล้องกัน ย่อมดีกว่าการโหนกระแสแบบชั่วครั้งชั่วคราว เพราะอาจส่งให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ในปี 2008 นี้แต่ละองค์กรต่างได้มีการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกิจกรรม CSR รวมถึงการสื่อสารที่เพิ่มมากกว่าเดิม
สำหรับ การสื่อสารองค์กรนั้น ยังเน้นการสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจน รวมทั้งการสร้างความเชื่อถือ การยอมรับขององค์กร ทั้งต่อพนักงานภายในและต่อสาธารณชนภายนอก นั่นคือ การเป็นองค์กรที่มีความสามารถในการประกอบการหรือยอดขายแล้ว ยังต้องเป็นองค์กรที่ดีของสังคมด้วย ในส่วนนี้การประชาสัมพันธ์จะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งและเป็นเครื่องมือที่สามารถตอบสนองได้อย่างชัดเจน ตอบโจทย์ได้ทั้งด้าน Image และ Brand และคาดว่า การธุรกิจการประชาสัมพันธ์จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากหลายปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20 % หลังจากที่มีการเติบโตลดลงในปีก่อน ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวจะเริ่มปรากฏชัดตั้งแต่ ไตรมาส 2 เป็นต้นไป