กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดสถานการณ์อุทกภัยใน 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี รวม 9 อำเภอ 16 ตำบล 70 หมู่บ้าน โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระดับน้ำลดลง ขณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่มพร้อมระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำไหลหลากใน 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี รวม 9 อำเภอ 16 ตำบล 70 หมู่บ้าน โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอหัวหิน อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลาก ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเคียนซา อำเภอพระแสง อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอพนม และอำเภอพุนพิน รวม 9 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 915 ครัวเรือน 3,010 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย บ้านเรือนเสียหาย 38 หลัง ถนนเสียหาย 104 สาย พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 1,800 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตรบางแห่ง
ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยแจกจ่าย เครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่ม พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ชีวิต อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป