กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--วิวาลดี้ อินทิเกรเต็ด พับลิค รีเลชั่นส์
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยิปซัมรายแรกของประเทศไทยและผู้คิดค้นนวัตกรรมยิปซัมคุณภาพสูงภายใต้แบรนด์ "ยิปรอค" ตอกย้ำจุดยืนบริษัทในฐานะผู้พัฒนาโซลูชั่นส์เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนและผู้ผลิตยิปซัมอันดับหนึ่งของเมืองไทย จัดบูธนำเสนอสินค้านวัตกรรมและโซลูชั่นส์การก่อสร้างใหม่ล่าสุดที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของบ้านสมัยใหม่ ในงาน Baan & Beyond Expo 2018 ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน - 7 ตุลาคม 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
มร.ซิลแวง เบอแดงง์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เน้นย้ำว่างานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสทองของบริษัทในการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการดำเนินงานในประเทศไทย ด้วยการตอกย้ำถึงชื่อเสียงและจุดยืนของบริษัทในฐานะผู้พัฒนาโซลูชั่นส์เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนและผู้ผลิตยิปซัมชั้นนำอันดับหนึ่งของเมืองไทย
"ยิปรอคคือผู้ผลิตยิปซัมระดับพรีเมียม ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัมและปูนปลาสเตอร์คุณภาพสูงสู่ตลาดเมืองไทย นับเป็นเวลา 50 ปีแล้วที่เราได้สนับสนุนให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตการพัออาศัยที่ดียิ่งขึ้น ผ่านโซลูชั่นส์การก่อสร้างใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไปของไลฟ์สไตล์การพักอาศัยยุคใหม่ โดยเน้นที่การบริหารจัดการการเติบโตของโครงการ การประหยัดพลังงาน และการปกป้องสิ่งแวดล้อม"
มร.ซิลแวง เบอแดงง์ กล่าว "นวัตกรรมคือจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างให้ยิปรอคมีความได้เปรียบทางการแข่งขันและเหนือกว่าคู่แข่งจำนวนมากในตลาด การฉลองครบรอบ 50 ปีครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีในการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศของเราในอุตสาหกรรมก่อสร้างของเมืองไทย"
ภายในบูธยิปรอค เจ้าของบ้านและช่างรับเหมาสามารถศึกษาตัวอย่างนวัตกรรมยิปซัมใหม่ล่าสุดของบริษัท ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัย และเพื่อสร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยที่ดีเยี่ยมได้ในสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ยิปรอคช่วยในการสร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยที่ครบครันทั้งระบบผนัง เพดาน ทางเดิน และบันได ทั้งสำหรับบ้าน สถาบันการศึกษา โรงภาพยนตร์ โรงพยาบาล และอื่น ๆ โดยคำนึงถึงปัจจัยเพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความร้อน การป้องกันเสียงรบกวน การส่งเสริมการนอนหลับที่ดี การลดความเครียด การป้องกันอาการแพ้ และการประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานในบูธยิปรอคยังพร้อมให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ในการเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานเฉพาะด้านให้เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมาในงาน สามารถไปเยี่ยมชม ยิปรอค โซลูชั่นส์ เซ็นเตอร์ (Gyproc Solution Center) สาขาถนนศรีอยุธยา เพื่อดูนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ล่าสุดของยิปรอคได้ ซึ่งมีระบบผนังและเพดานสวยที่สวยงามมากมายทั้งสำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีข้อมูลรายชื่อช่างติดตั้งที่ผ่านการฝึกอบรมโดยยิปรอค พร้อมเกร็ดความรู้และเทคนิคในการเพิ่มประสิทธิภาพและความคงทนของอาคาร เพื่อการยืดอายุการใช้งานอาคารให้ยาวนานยิ่งขึ้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://www.gyproc.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/GyprocTH
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ฉลองความสำเร็จการดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในประเทศไทย หลังการก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยเป็นบริษัทแรกที่ดำเนินการผลิตแผ่นยิปซัมและปูนปลาสเตอร์ในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วเมืองไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ปัจจุบันมีโรงงานการผลิต 2 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มนำเสนอสินค้าและการบริการครบวงจร ครอบคลุมทั้งแผ่นยิปซัม ฝ้าเพดาน ระบบโครงสร้าง และปูนปลาสเตอร์ พร้อมโซลูชั่นส์ส์การตกแต่งภายในอาคารที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้บริโภค
เกี่ยวกับ แซง-โกแบ็ง ( Saint-Gobain)
บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแซง-โกแบ็ง เครือบริษัทการผลิตโครงสร้างอาคารรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญระดับสูงในการออกแบบ การผลิต และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มผู้บริโภคทั้งในวงการก่อสร้าง อุตสาหกรรม และกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป
แซง-โกแบ็ง มีพนักงานผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 170,000 คน ดำเนินงาน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มนวัตกรรมกระจกแผ่นเรียบ กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มการจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยบริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่มเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยธุรกิจยิปซัมของแซง-โกแบ็ง ซึ่งมีการดำเนินงานมานานกว่า 353 ปีใน 130 แห่งทั่วโลกและมีพนักงานในหน่วยงานถึง 13,000 คน ฐานการดำเนินงานระดับโลกนี้แสดงให้เห็นว่า แซง-โกแบ็ง สามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละประเทศ และนำเสนอโซลูชั่นส์ส์การก่อสร้างที่ยั่งยืนและเหมาะสมสำหรับตลาดในประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี