PwC เผยรายได้ปี 61 แตะ 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ โตเกือบ 10% จากปีก่อน

ข่าวเทคโนโลยี Monday October 8, 2018 16:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--PwC ประเทศไทย PwC ทั่วโลกเผยปี 2561 มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.33 ล้านล้านบาท) หรือเติบโตเกือบ 10% จากปีก่อน โดยรายได้ใน 3 สายงานทั้งธุรกิจตรวจสอบบัญชี ธุรกิจที่ปรึกษา และธุรกิจกฎหมายและภาษี เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาคุณภาพและเปลี่ยนโฉมสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจด้านการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ นาย บ็อบ มอริตซ์ ประธาน บริษัท PwC โกลบอล เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของเครือข่าย PwC ทั่วโลกรอบปีงบประมาณ 2561 (งบการเงินสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2561) มีรายได้รวม 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.33 ล้านล้านบาท) ถือเป็นการสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นปีแห่งการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 21 ปี โดยรายได้ในสกุลเงินท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 7% และในสกุลดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 10% "การเติบโตที่น่าประทับใจนี้เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับตลาดและการทำงานอย่างหนัก ความเป็นมืออาชีพ และการทุ่มเทของพนักงานกว่า 250,000 คนของเรา ที่ยังคงพัฒนาและจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราทั่วโลก" นาย มอริตซ์ กล่าว "ทุกสิ่งที่เราทำคือการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ และจุดประสงค์ของเรา ในการสร้างความเชื่อมั่นในสังคม และแก้ไขปัญหาที่สำคัญ" "เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญที่สร้างนิยามใหม่ให้แก่ PwC รวมไปถึงคุณภาพและการบริการต่างๆ ที่เรามอบให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับที่เข้ามาปรับโฉมโลกของธุรกิจในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เครือข่ายทั่วโลกของ PwC มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการใช้แนวคิดด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา โดยจนถึงปี 2562 เรามีแผนที่จะลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในคลาวด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเพิ่มคุณภาพและการให้บริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย" "เรามีความภาคภูมิใจในงานที่เราทำเพื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา รวมถึงบทบาทของเราในฐานะหนึ่งในผู้นำของโลกทั้งในด้านการจ้างงาน และฝึกฝนผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินรายใหญ่ของโลก ตลอดจนการมีส่วนร่วมต่างๆ ที่เราทำเพื่อสังคมและชุมชนซึ่งเราดำเนินธุรกิจอยู่" "แน่นอนว่าไม่มีองค์กรใดที่จะเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน ในช่วงปีนี้เราได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เราได้ทำผิดพลาด ซึ่งเราเองก็ได้รับผิดชอบต่อการกระทำของเรา สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบทเรียน และมีอีกหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อการพัฒนา เหนือสิ่งอื่นใด เรายังให้ความสำคัญอย่างมากต่อเสียงวิพากษ์ถึงความเป็นมืออาชีพ นั่นทำให้เรายิ่งทำงานให้หนักขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมืออาชีพของเรา และการมีส่วนร่วมในตลาดทุนและสังคมโดยรวม สำหรับผมแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญมากไปกว่าการนำพา PwC ให้เป็นองค์กรที่ยังคงไว้ซึ่งความไว้วางใจ มีความหมาย และให้ความสำคัญต่อการตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา" นาย มอริตซ์ กล่าว รายได้แยกตามประเภทธุรกิจ ธุรกิจตรวจสอบบัญชี (Assurance) : ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมายังเติบโตต่อเนื่องถึง 4% มาอยู่ที่ 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันของตลาดตรวจสอบบัญชีทั่วโลกที่เข้มข้นกว่าในอดีต โดยธุรกิจตรวจสอบในตลาดหลักยังมีการเติบโต แม้จะมีผลกระทบจากการบังคับการหมุนเวียนผู้ตรวจสอบบัญชี (Mandatory Audit Firm Rotation: MAFR) และเทคโนโลยีการตรวจสอบบัญชีกลายเป็นที่สนใจของตลาด นอกจากนี้ ความซับซ้อนทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ สภาพแวดล้อมของการกำกับดูแล และความสนใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้เกิดความต้องการที่มากขึ้นในธุรกิจตรวจสอบบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยทาง ไซเบอร์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และ การบริการวางระบบองค์กร บริษัทต่างๆ มองหาการบริการทางดิจิทัล และ ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น เพื่อรับมือกับการกำกับดูแล ความเสี่ยง และกฎระเบียบต่างๆ ด้วยพนักงาน 107,000 คน ทำให้ PwC เป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีและเครือข่ายทางด้านบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก "ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงและมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเราและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่อาจคาดเดา สภาพแวดล้อมทางการค้าที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ ซึ่งการทำงานเพื่อคาดการณ์ และบรรเทาความเสี่ยง จากสภาพแวดล้อม การกำกับดูแล และโลกไซเบอร์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของบริการตรวจสอบบัญชีของ PwC และเป็นบริการที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรากำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก" นาย เจมส์ ชาลเมอร์ส หัวหน้าสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC โกลบอล กล่าวว่า "บริการตรวจสอบบัญชีถือเป็นธุรกิจหลักของเรามากว่า 150 ปี เป็นรากฐานในการสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์ของเรา และเราภาคภูมิใจในบริการที่ส่งมอบให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและตลาดทุน" ธุรกิจที่ปรึกษา: ในปี 2561 รายได้เพิ่มขึ้น 10% เป็น 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งผลการดำเนินงานยังเติบโตอย่างสูงจากปี 2560 โดยแต่ละบริการของธุรกิจที่ปรึกษานั้นเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริการดีล (Deals) การบริหารจัดการกลยุทธ์ การให้คำปรึกษาในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จได้จริงแก่ลูกค้า นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากการให้บริการดั้งเดิมและเทคโนโลยีที่เราให้บริการ เราได้นำเสนอการให้บริการทางดิจิทัลในธุรกิจที่ปรึกษามากขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเรามุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรม และวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ PwC ได้ผนวกแนวคิด บีเอ็กซ์ที (Business eXperience & Technology: BXT) เข้ากับบริการ เพื่อช่วยลูกค้าตอบสนองความต้องการในอนาคต และ Advertising Age ได้จัดอันดับการบริการทางดิจิทัลของ PwC ให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์ยังได้มอบ 40 รางวัลผู้นำใหม่ ให้กับธุรกิจที่ปรึกษาของ PwC ในปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น PwC มีประสบการณ์การทำงานร่วมกับหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจบริการทางการเงิน ตลาดผู้บริโภค บริษัทนอกตลาด เทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคม กฎหมายและภาษี: รายได้ เติบโต 8% มาอยู่ที่ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีภายในและภายนอกประเทศที่มีความซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดความต้องการบริการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามหลักภาษีภายในประเทศ ภาษีอากรระหว่างประเทศและการกำหนดราคาโอน ด้วยประสบการณ์ด้านที่ปรึกษาภาษีของ PwC ไม่ว่าจะเป็น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีศุลกากร โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการทำงาน ประกอบกับประสบการณ์ในการทำดีลภาษีธุรกิจทำให้ PwC เป็นผู้นำการให้คำปรึกษาในตลาดการควบรวมกิจการของโลก ด้านรายได้จากธุรกิจบริการทางกฎหมายของเครือข่าย PwC ทั่วโลกยังคงเติบโต ด้วยการขยายความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ของบริษัท ปัจจุบัน PwC มีทนายความ 3,500 คนที่คอยให้บริการลูกค้าในกว่า 90 ประเทศ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ PwC ได้ประกาศเป็นพันธมิตรกับทนายความตรวจคนเข้าเมืองชั้นนำ ซึ่งจะเพิ่มความเชี่ยวชาญและความสามารถของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะที่ความต้องการของลูกค้าในการปฏิรูประบบงานด้านทรัพยากรบุคคล และการบริหารจัดการการโยกย้ายและเปลี่ยนแปลงยังคงเติบโตเช่นกัน โดยปัจจุบันมีบุคลากรในด้านนี้กว่า 10,000 คน นอกจากนี้ เรามีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 5,000 คนที่มีความสามารถกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดย PwC ถือเป็นเครือข่ายกฎหมายและภาษีที่ใหญ่ที่สุดของโลก เน้นให้คำปรึกษากับลูกค้าให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ Global Tax Code of Conduct พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบบภาษีทั้งในประเทศและทั่วโลก การเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้นในปีนี้นั้น ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านคุณภาพ เทคโนโลยีใหม่ๆ การให้บริการ และรวมไปถึงในด้านทาเลนท์ขององค์กร โดยรายได้ในอเมริกาเพิ่มขึ้น 4% ส่วนการเติบโตในยุโรปตะวันตกเองเพิ่มขึ้นมากกว่า 6% และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรปกลาง และตะวันออก โดยรายได้มีการเติบโต 10% ขณะที่ตะวันออกกลางและแอฟริกาเพิ่มขึ้น 12% สำหรับออสเตรเลียและแปซิฟิครายได้เติบโต 7% ทางด้าน PwC ในทวีปเอเชียผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 15% นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า PwC ประเทศไทย ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้รายได้ของเครือข่าย PwC ในเอเชียเติบโตอย่างโดดเด่นในปีที่ผ่านมา โดยรายได้ของทุกประเภทธุรกิจเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นเดียวกันหมด นั่นเพราะความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพของการให้บริการและความสามารถของบุคลากรที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าและสังคม โดย PwC ประเทศไทย ไม่หยุดที่จะพัฒนาและลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มคุณภาพในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ลูกค้า "ความต้องการในการใช้บริการจาก PwC เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคและทุกอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณภาพในงานของเรา และการลงทุนที่เราคาดการณ์ไว้ต่อความคาดหวังและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้วยการแนะนำบริการใหม่ๆ และการปรับปรุงการให้บริการของเรา" ด้าน นางสาว แครอล ซอว์ดาย ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท PwC โกลบอล กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์จะยังคงเป็นอีกหนึ่งทิศทางเพื่อการเติบโตที่สำคัญของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทคโนโลยีบล็อกเชนและการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน เราก็จะพยายามมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการหลักของเรา เช่น การให้บริการด้านการตรวจสอบบัญชี ผลกระทบต่อสังคม อย่างไรก็ดี PwC เชื่อว่าธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาความท้าทายทางสังคมร่วมไปกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยหนึ่งในหลายๆ วิธีที่ PwC ทำ คือการร่วมมือกับ T20 (เครือข่าย Think Tanks ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้คำแนะนำด้านนโยบายแก่ G20) และ Global Solutions ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายๆ ฝ่าย ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวทำให้เราเห็นถึงความจำเป็นที่จะนำภาคเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ และสังคม ให้กลับสู่จุดที่ดีขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในโครงการ Young Global Changers ซึ่งเป็นโครงการที่รวบรวมผู้นำในอนาคต (Future leaders) 120 ราย จาก 80 ประเทศทั่วโลก ให้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาแนวคิดในการเคารพและเข้าใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ การลงทุนในชุมชน ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่สำคัญของเรา โดยเราเน้นในการแบ่งปันทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ PwC นั่นคือ ทักษะความรู้และความสามารถของพนักงาน นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นไปที่การให้การศึกษาเพื่อขยายขีดความสามารถขององค์กรที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร (NGOs) และการให้สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและวิสาหกิจขนาดกลางทั่วโลก ในปีที่ผ่านมาเราได้ตั้งเป้าหมายใหม่ให้เครือข่าย PwC ทั่วโลกสามารถเข้าถึงผู้คนในสังคมราว 15 ล้านคน ทั้งองค์กรที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร และองค์กรทางสังคมและธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างสูงสุดภายในปี 2565 ในปีนี้ พนักงานของ PwC กว่า 60,500 ราย ได้อุทิศเวลามากกว่า 850,000 ชั่วโมง เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม โดย 619,920 ชั่วโมงของจำนวนเวลาดังกล่าว เป็นการอุทิศเวลาเพื่อแบ่งปันทักษะทางด้านวิชาชีพ ทั้งนี้ ผลที่ได้รับจากการมีส่วนร่วมในสังคมนี้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงผู้คนได้กว่า 3.2 ล้านคน องค์กรที่ทำงานโดยไม่แสวงหากำไร และสังคมและองค์กรขนาดเล็ก ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าถึงผู้คนในสังคมได้ถึง 15 ล้านคนตามเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ ในส่วนของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดของเรา นั่นคือ การลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการลดการใช้พลังงานในสำนักงาน และลดการเดินทางทางอากาศลง ปีนี้เครือข่าย PwC ทั่วโลกได้ประกาศปณิธานใหม่ โดยจะเร่งลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจะมุ่งมั่นในการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศลง มากไปกว่านั้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 เป็นต้นไป เราคาดหวังว่าจะสามารถใช้ไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนได้ 100% ภายในปีงบประมาณ 2564 ถึงแม้ว่าเป้าหมายสำคัญของเราคือการขับเคลื่อนลดการปล่อยคาร์บอน แต่การใช้พลังงานชดเชยก็เป็นอีกหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่เราจะใช้เพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเลี่ยงไม่ได้ เน้นคุณภาพและสร้างสรรค์นวัตกรรม อย่างไรก็ดี คุณภาพของงานยังคงเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานของเครือข่าย PwC ทั่วโลก โดยบริษัทได้ลงทุนด้านทรัพยากรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจของเครือข่าย PwC ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทางบริษัทยังลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยีใหม่ เพื่อขับเคลื่อนความสามารถและประสิทธิภาพของการตรวจสอบของบริษัท ควบคู่ไปกับธุรกิจอื่น ๆ ทั้งหมดของ PwC สำหรับธุรกิจตรวจสอบบัญชีในปีที่ผ่านมานั้น เราได้ทดลองใช้เทคโนโลยีฮาโล (Halo) เข้ามาช่วยในการตรวจข้อมูลมากกว่า 150 พันล้านรายการ และในปีหน้าเครือข่าย PwC ทั่วโลกจะเริ่มใช้เครื่องมือ GL.ai ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "นวัตกรรมการตรวจสอบยอดเยี่ยมแห่งปี" เข้าช่วยในการตรวจสอบ ระบุความผิดปกติของการบันทึกรายการทางการเงินขององค์กร ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพและความโปร่งใสในการทำงานของ PwC โดยสามารถอ่านรายละเอียดกระบวนการทำงาน และผลการตรวจสอบคุณภาพภายในของ PwC ได้ที่ www.pwc.com/annualreview เฟ้นหาทาเลนท์ – มุ่งพัฒนาความสามารถ ในปีนี้เครือข่าย PwC ทั่วโลกได้จ้างบุคลากรจำนวนทั้งสิ้น 64,776 คน ในจำนวนนี้ เป็นบัณฑิตจบใหม่ 27,016 คน และผู้มีประสบการณ์มืออาชีพ 32,924 คน ส่งผลให้ปัจจุบัน PwC มีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 250,000 คน เติบโต 6% จากปีก่อน โดยทวีปเอเชียมีจำนวนบุคลากรเพิ่มขึ้นสูงที่สุด (14%) ตามมาด้วยทวีปยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก (10%) อย่างไรก็ดี PwC ถือเป็นองค์กรหนึ่งที่ส่งเสริมการทำงานของผู้หญิง โดยเกือบครึ่งหนึ่งของบุคลากรใหม่เป็นผู้หญิง ขณะเดียวกันที่ 30% ของจำนวนผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหุ้นส่วนใหม่ในเครือข่าย PwC ทั่วโลกจากจำนวนทั้งสิ้น 739 คนในปีนี้ก็เป็นผู้หญิง ส่งผลให้สัดส่วนผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นหุ้นส่วนบริษัทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 13% ในปี 2549 เป็น 20% ในปี 2561 นางสาว อันแยส อูสแอร์ หัวหน้าสายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท PwC โกลบอล กล่าวว่า "เรารู้ว่าเมื่อพนักงานของเรามีความสุข พวกเขาก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วม และมีความคิดสร้างสรรค์ที่สุดเช่นกัน ดังนั้น เพื่อดึงดูดและรักษาความสามารถ และความคิดที่หลากหลาย เราจึงกำลังสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และปรับวิธีการพัฒนาทักษะของบุคลากรและความสามารถของผู้นำของเรา ด้วยการคิดค้นและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น เราสนับสนุนให้พนักงานของเรายกระดับความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมพนักงาน และบริษัท สำหรับความท้าทายในอนาคต" นอกจากนี้ PwC กำลังทบทวนกระบวนการพัฒนา เพื่อส่งเสริมให้พนักงานเข้าถึงการเรียนรู้เทคโนโลยีได้มากขึ้น และเชื่อมโยงความสนใจของพนักงานเข้ากับโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสนับสนุนให้มีการทำงานที่ยืดหยุ่น มุ่งเน้นในเรื่องความสุขของพนักงาน การมีส่วนร่วม และความหลากหลายทางความคิด อย่างไรก็ดี PwC มีแผนการบริหารความหลากหลายในองค์กรอีกหลากหลายด้าน บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีจำนวนผู้หญิงเข้ามาร่วมงาน และเลื่อนตำแหน่งเป็นพาร์ทเนอร์เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับเครือข่าย 16 LGBT+ ที่เราได้ก่อตั้งขึ้นระหว่างเครือข่าย PwC ทั่วโลก เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจเพื่อนพนักงาน LGBT+ ของเราทั่วโลก
แท็ก บัญชี   PwC  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ