กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง
TIGER หุ้น High Growth- High Margin น้องใหม่ป้ายแดงตลาดหลักทรัพย์ mai ขายไอพีโอเกลี้ยง! นักลงทุน ให้การตอบรับท่วมท้น อนาคตธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง ทุนหนาพร้อมเข้าประมูลบิ๊กโปรเจคภาครัฐ-เอกชนสบายหายห่วง
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TIGER) เปิดเผยถึงผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 122.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา 3.65 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า มีผู้สนใจจองซื้อหุ้นของ TIGER เข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี
"ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่น TIGER ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจองซื้อหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อหุ้น TIGER เนื่องมาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯมีความแข็งแกร่ง รายได้รวมเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 30% ต่อปี ขณะที่กำไรขึ้นต้น อยู่ที่ 16-18% และภายหลังจากขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก สามารถเข้าประมูลงานภาครัฐ และเอกชน ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจในอนาคตข้างหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น TIGER เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน" นายรัฐชัย กล่าว
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)(TIGER) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC ) กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับแผนขยายธุรกิจ ซึ่งทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐ และเอกชน ในมูลค่าโครงการที่สูงมากขึ้น ช่วยผลักดันให้ธุรกิจของอนาคตเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
"การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ ทำให้ฐานเงินทุนของเราใหญ่ขึ้น มีศักยภาพรับงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น และนับจากนี้จะทำให้ TIGER มีความสามารถเข้าไปรับงานที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ซึ่งจะผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจในอนาคตข้างหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันงานของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาดำเนินการจนกระทั่งส่งมอบงานที่สั้น ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินในเวลาอันรวดเร็วและหมุนรอบการทำงานได้หลายรอบมากขึ้น" นายจตุรงค์กล่าวในที่สุด