กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--โอแฟงห์
หมู่บ้านพิกุลทองสามัคคี ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เป็น 1 ใน 24 หมู่บ้านภายใต้โครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีของจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) โดยมีจุดประสงค์ในการกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อสร้างให้ชุมชนเข้มแข็ง ลดการอพยพออกจากชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ ทำให้ลูกหลานไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่
สำหรับหมู่บ้านพิกุลทองสามัคคีอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี เป็นระยะทาง 22 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปตามถนนชนบทหมายเลข 3007 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เอกลักษณ์ของหมู่บ้านพิกุลทองสามัคคีที่สำคัญ คือ วิถีชีวิตตลอดริมฝั่งแม่น้ำน้อยที่นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ตลอดสายและอาหารขึ้นชื่อที่ต้องแวะไปชิม ได้แก่ "ผัดไทใส่เข่ง" สูตรเฉพาะของบ้านพิกุลทอง และ "ข้าวหมากโบราณ" ขนมสำรับไทยจากการคลุกเคล้าข้าวเหนียวเข้ากับแป้งข้าวหมากที่หารับประทานได้ยากมากในยุคปัจจุบัน
คุณธนพันธ์ พันธุ์น้อยกุล นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ กล่าวว่า "ส่วนใหญ่แล้วสูตรอาหารของหมู่บ้านพิกุลทองสามัคคีมักจะเป็นภูมิปัญญาที่เป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย เราจึงได้เลือกนำส่วนนี้มาเป็นจุดเด่นของหมู่บ้าน ซึ่งนอกจากอาหารแล้ว ทางหมู่บ้านยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติด้วยการใช้ภาชนะต่างๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ อาทิ จานเข่งจากใบลาน ตะกร้าหวายจักสาน กระบอกน้ำจากไม้ไผ่ และหลอดดูดน้ำจากก้านบัว ซึ่งแน่นอนว่าหากมาเที่ยวที่หมู่บ้านพิกุลทองสามัคคีท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรม ตลอดจนการต้อนรับอย่างเป็นมิตรเสมือนคนในครอบครัว..."
การท่องเที่ยวหมู่บ้านพิกุลทองสามัคคีสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งแบบพักค้างคืนที่โฮมสเตย์และ One Day Trip ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มุ่งเน้นการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำน้อย โดยนักท่องเที่ยวจะมีกิจกรรมให้ทำได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวชมวัดพิกุลทอง พระอารามหลวง หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อแพ (พระเทพสิงหบูรพาจารย์) ก่อนแวะรับประทานอาหาร พร้อมทานขนมหวานขึ้นชื่อที่ตลาดชุมชน แล้วพักผ่อนสบายๆ ที่มุมนวดสปาแผนไทยและรับชมการแสดงพื้นบ้าน เช่น รำโทน รำกลองยาว ร้องเพลงเรือ เป็นต้น ที่สำคัญยังสามารถเรียนรู้และทดลองทำเครื่องจักสานด้วยตนเอง เพื่อนำกลับไปเป็นของฝากให้กับคนพิเศษหรือจะเลือกจับจ่ายซื้อสินค้าจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมากกว่า 10 รายการ เรียกได้ว่ามาที่เดียวเที่ยวได้ครบรส ทั้งช็อป ชม ชิม