กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--มิกซ์ แอนด์ แมทซ์ คอมมิวนิเคชั่นส์
จากกระแสนิยมหรือเทรนด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่หันมาให้ความสำคัญกับวิถีธรรมชาติ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติหรือสมุนไพรได้กระแสตอบรับอย่างดียิ่ง จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของสมุนไพรไทยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและความงามที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันสูง ผู้ผลิตต้องคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีเอกลักษณ์ และบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้จัดงาน "OTOP นวัตวิถี...จากภูมิปัญญาสู่ความเข้มแข็งของท้องถิ่น" ระดมทัพนำสินค้า OTOP Select และ OTOP 3 - 5 ดาว ในกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 100 ผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผม กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมทั้งสินค้าของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ จำนวน 45 ผลิตภัณฑ์มาจัดแสดงภายในงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบและสร้างโอกาสทางการตลาดรูปแบบใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ OTOP Select และ OTOP 3 - 5 ดาว โดยเน้นนโยบายการตลาดเพื่อการท่องเที่ยว (Tourism Marketing) ใช้การตลาดนำการผลิต และการผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด สร้างอัตลักษณ์ประจำถิ่นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งกระจายสินค้า OTOP ที่คัดสรรแล้วไปจำหน่ายยังสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบิน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อขยายตลาด สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างการจดจำให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่น และเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
เริ่มจากการจัดอบรมบ่มเพาะความรู้ความเข้าใจการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ตามแนวทาง OTOP นวัตวิถี อาทิ ช่องทางการจัดจำหน่าย การสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) การสร้างโอกาสทางการตลาดรูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรม ส่วนประกอบของสินค้า และมาตรฐานการรับรอง ด้วยการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการตลาดเข้าสู่ช่องทางการรับคำสั่งซื้อจำนวนน้อย (Small Order) โดยเชื่อมโยงรหัสสินค้า QR Code ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ซึ่งถือเป็นการพัฒนาศักยภาพและยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์รากฐาน OTOP
การพัฒนาต้นแบบสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยการรวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีความเชื่อมโยงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสะท้อนถึงอัตลักษณ์ประจำถิ่น จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ที่สร้างเสน่ห์และมูลค่าเพิ่มให้สินค้า โดยการใช้จุดแข็งของชุมชนทางด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิตและภูมิปัญญา เชื่อมโยงสู่ภาคการผลิตและบริการในการสร้างสัญลักษณ์และโอกาสทางการตลาด รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เพิ่มรายได้ให้ชุมชน ส่งเสริมการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังจัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้คำแนะนำปรึกษาผู้ประกอบการด้านการพัฒนาคุณภาพการผลิตให้ได้มาตรฐาน และขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง รวมถึงการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนการนำตลาดดิจิทัลเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ และการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมการเข้าสู่ตลาดกลางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.kongdeetourthai.com และ www.thaitrade.com ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ
เรียกได้ว่าเป็นการฝึกอบรมผู้ประกอบการ ทั้งในด้านของการพัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมตลาด วีถีชีวิตของคนยุคใหม่ สร้างโอกาสทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และความต้องการของตลาดในกลุ่มผู้บริโภคยุคไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงการเชื่อมโยงสู่วิถีชุมชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยและสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ OTOP โดยหลังจากนี้จะมีการต่อยอดพัฒนาไปยังสินค้า OTOP กลุ่มอื่นๆ เช่น อาหาร เสื้อผ้า และของที่ระลึกในลำดับต่อไป
การซื้อสินค้าออนไลน์สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากปกติที่อาจมีเพียงการเปิดหน้าร้านเพื่อขายสินค้าให้กับผู้ที่เข้ามาเลือกชม หรือออกร้านตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งหากมีช่องทางการทำตลาดออนไลน์ด้วยก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้อีกเท่าตัว...และที่สำคัญคือเมื่อมีร้านค้าหรือสินค้าจำหน่ายอยู่ในโลกออนไลน์ การที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักและเข้าถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ไทยจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป