กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,224.70-1,230.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,050 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.55 น. ของวันที่ 16/10/61)
แนวโน้มวันที่ 17 ตุลาคม 2561
ท่ามกลางความตึงเครียดทางการทูตที่ย่ำแย่ลงระหว่างสหรัฐและซาอุดิอาระเบียหลังการหายตัวไปของผู้สื่อข่าวซาอุดิอาระเบียในตุรกี ขณะที่คณะทำงานร่วมระหว่างซาอุดีอาระเบียและตุรกีเริ่มเข้าตรวจค้นสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในเมืองอิสตันบูล ส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ นอกจากนี้นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อการเจรจาเบร็กซิท จนหนุนค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ ซึ่งการประชุมสุดยอดประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 17 ต.ค.นี้ อาจสามารถเจรจาหาข้อยุติประเด็นพรมแดนทางบกของอังกฤษกับไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ระบุว่าแม้การบรรลุข้อตกลงเบร็กซิท 90% ของข้อตกลงได้เสร็จสมบูรณ์แล้วและเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงการถอนตัวจะประสบความสำเร็จ แต่เธอได้กล่าวว่าในขณะนี้ดูเหมือนการเจรจาอาจจะยากมากขึ้นเล็กน้อย ความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอความชัดเจนจากการประชุมอีกครั้ง ประกอบกับ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 25-26 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพุธ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่แนวโน้มการปรับลดคาดการณ์ความเร่งในการขึ้นดอกเบี้ยลง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มลดลง หลังจากรายงานเงินเฟ้อทั่วไปประจำเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ และ ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือน ก.ย. ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมากว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% นอกจากนี้แนวโน้มราคาทองคำเป็นบวกมากขึ้นหลังจาก กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดของโลก กลับมาเพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกัน IMF เปิดเผยว่า โปแลนด์เพิ่มการถือครองทองคำสู่ระดับสูงสุดในรอบ 35 ปี เบื้องต้นแนะนำให้จับตาราคาทองคำบริเวณ 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือโซนนี้ คาดการณ์ว่าราคาอาจอ่อนตัวลงมา โดยประเมินแนวรับไว้ในบริเวณ 1,221-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำให้ลงทุนโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงบริเวณแนวรับที่ 1,221-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น ในระยะสั้นราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในกรอบ หากราคาสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือรับได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขาย และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,221 (18,800บาท) 1,214 (18,700บาท) 1,208 (18,600บาท)
แนวต้าน 1,235 (19,050บาท) 1,246 (19,250บาท) 1,256 (19,400บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888