BGC นำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูศักยภาพผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมก้าวสู่ผู้นำธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2018 13:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BG Container Glass Public Company Limited) ("บริษัทฯ" หรือ "BGC") และบริษัทย่อย ("กลุ่มบริษัทฯ") นำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก (18 ต.ค.2561) มั่นใจนักลงทุนจะให้การตอบรับที่ดี ชูวิชั่นนำบริษัทฯ ก้าวเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน พร้อมรุกขยายตลาดในประเทศไทยและส่งออก โดยโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ หนุนกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวันเป็น 3,495 ตันต่อวัน นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ" หรือ "BGC") และบริษัทย่อย ("กลุ่มบริษัทฯ") ผู้ผลิต จัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 18 ตุลาคม 2561 และมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้กำหนดวิชั่นก้าวเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน และตั้งเป้ารุกขยายตลาดในประเทศไทยและส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และภูมิภาคอื่น ๆ เช่น สวิสเซอร์แลนด์ สเปน ออสเตรเลีย โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย และจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วและเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีในเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็นประมาณ 3,495 ตันต่อวัน โดยเตาหลอมแก้วภายในโรงงานแห่งใหม่นั้น ถูกออกแบบให้สามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพการผลิตผ่านระบบออนไลน์ นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ยังสามารถรองรับการขยายจำนวนเตาหลอมแก้วได้อีกในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.2561) มีกำไรสุทธิ 270.1 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 121.7 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 122.0 สาเหตุหลักมาจากต้นทุนคงที่ปรับลดลงจากการย้ายฐานการผลิตจากโรงงานระยองที่ปิดตัว ไปยังเตาที่มีประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ โรงงานผลิตแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีจะช่วยตอบโจทย์ในการขยายการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในอนาคต โดยมองว่าโรงงานผลิตที่จังหวัดราชบุรีตั้งอยู่ในยุทธศาตร์ที่สำคัญ รวมทั้งมีกระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่นซึ่งช่วยในการขยายลูกค้าและตลาดใหม่ของบริษัทฯ" นายศิลปรัตน์ กล่าว นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า BGC เป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย จึงมีความได้เปรียบด้านการควบคุมต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีโรงงานที่กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด ส่งผลดีการบริหารต้นทุนโลจิสติกส์และการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนที่เหมาะสม "ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์แก้วของ BGC ถือว่าเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้งานอย่างแพร่หลาย และคาดว่าจะมีความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำมารีไซเคิลได้ 100% และปัจจจุบันซัพพลายในตลาดก็มีปริมาณจำกัด เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ประกอบกับเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงจึงเป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจ" นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ