กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน นวัตกรรม 'DG-Total' ระบบบริหารจัดการสินค้าอันตรายแบบครบวงจรมาใช้ดำเนินธุรกิจ ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน หนุนบริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ในรายชื่อ 'หุ้นยั่งยืน' หรือ THIS ประจำปี 2561
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จผ่านเกณฑ์การคัดเลือกอยู่ในรายชื่อ 'หุ้นยั่งยืน' หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2561 หลังจากผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้านการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้น JWD ที่มีโอกาสจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากผู้ลงทุนที่มีแนวคิดลงทุนในหุ้นที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ การที่ JWD ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนนั้น เกิดจากการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล โดยคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชนและสังคมโดยรอบ อาทิ การออกแบบอาคารประหยัดพลังงานและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์, การบริหารจัดการขยะเพื่อลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม การจัดกิจกรรมร่วมฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้นำระบบ 'DG-Total' หรือระบบบริหารจัดการสินค้าอันตรายแบบครบวงจร เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ได้รับสัมปทานบริหารสินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ภายใต้การกำกับดูแลของท่าเรือแหลมฉบัง
ทั้งนี้ ระบบ DG-Total ถือเป็นต้นแบบในการจัดการสินค้าอันตรายของประเทศเพื่อสร้างมาตรการการประกันความปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายใต้แนวคิด "ป้องกันก่อนเกิดเหตุ"โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ส่วน ได้แก่ 1.การจัดทำระบบเครือข่ายและการสื่อสารเกี่ยวกับสินค้าอันตรายหรือ DG-NET เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางระบบฐานข้อมูลด้านสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับสารอันตรายและวิธีจัดการอย่างครบถ้วนเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาเพื่อค้นหาตำแหน่งและสถานะสินค้า 2.การนำซอฟท์แวร์การจัดการลานวางตู้สินค้าและคลังสินค้าอันตรายตามคลาสที่ระบุ เพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยาของสารแต่ละประเภท และใช้ระบบ D-GPS ที่มีความแม่นยำสูงในการค้นหาตำแหน่งตู้สินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมาใช้เป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนและเป็นแห่งที่ 2 ของโลก 3.การจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยสินค้าอันตราย โดยมีเจ้าหน้าที่ทีมจัดการเหตุฉุกเฉิน นักเคมีและผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าอันตรายประจำ 24 ชั่วโมง รวมถึงมีการจัดฝึกอบรมซ้อมแผนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการจัดการเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน และ 4.การวางระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าอันตรายข้างลำเรือตามมาตรฐานความปลอดภัย อาทิ กำหนดให้รถขนส่งวัตถุอันตรายต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยตามเกณฑ์ควบคุมมาตรฐานของลูกค้าหรือที่กฎหมายกำหนด มีประกันภัยความเสียหาย ติดตั้งระบบจีพีเอส พนักงานขับรถทุกคนต้องมีใบอนุญาตประเภทที่ 4 มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสุ่มตรวจสารเสพติดก่อนปฏิบัติงาน ฯลฯ
"การนำระบบ DG-Total มาใช้สามารถเพิ่มความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ได้ทันที ทั้งในขณะเกิดเหตุบนเรือขนส่ง ระหว่างที่เรือเข้าเทียบท่า หรือระหว่างการขนส่งสินค้าอันตราย ขณะเดียวกันยังช่วยในการจัดเก็บฐานข้อมูลสินค้าอันตรายอย่างเป็นระบบ ทดแทนการจัดเก็บด้วยเอกสารที่มีความยุ่งยากซับซ้อน สามารถค้นหาข้อมูลได้เรียลไทม์เพื่อจัดการเหตุได้ทันท่วงที ช่วยลดอัตราการสูญเสีย นอกจากนี้เรายังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้ความรู้และฝึกอบรมสัมมนาเกี่ยวกับสินค้าอันตรายอีกด้วย" นายชวนินทร์ กล่าว