กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น
" จอมทรัพย์ โลจายะ" ลั่น SUPER พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศเต็มเหนี่ยว ล่าสุด บอร์ดไฟเขียวอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับแผนขยายงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม พร้อมมั่นใจปี 2561 รายได้เติบโต 25%ตามเป้าหมาย
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศฮ่องกง เพื่อรองรับการขยายงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทซุปเปอร์ โซลาร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป(ฮ่องกง) 3 (SSE-HK3) ,บริษัทซุปเปอร์ โซลาร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป(ฮ่องกง) 4 (SSE-HK4) และบริษัทซุปเปอร์ โซลาร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป(ฮ่องกง) 5 (SSE-HK5)
รวมทั้งอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรองรับการขยายงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในฮ่องกง ได้แก่ บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง) หรือ SWE-HK , บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง)1 (SWE-HK1)บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง) 2 (SWE-HK2) , บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง)3 (SWE-HK3), บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง) 4 (SWE-HK4) , บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี (ฮ่องกง) 5 (SWE-HK5) , บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง) 6 (SWE-HK6) ,บริษัทซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี(ฮ่องกง) 7 (SWE-HK7)
นอกจากนี้ ยังพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศ เพื่อรองรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ โดยตั้งบริษัท ซุปเปอร์เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด เพิ่มอีกแห่ง
" การจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศถือว่า เป็นไปตามแผนงานของ SUPER เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจพลังงานทดแทน ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นโซลาร์ฟาร์ม วินด์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้และกำไร ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น รวมทั้งก้าวสู่การเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียที่วางไว้ " นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 2561 เชื่อว่าจะเติบโตได้ดี โดยวางเป้ารายได้เติบโต 25% จากปีก่อน โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่จะเก็บเกี่ยวการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะจะสร้างยอดรายได้ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และจะสนับสนุนให้ COD เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกำลังการผลิต 800-900 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งก้าวสู่ความเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในเอเชียภายใน 3 ปีข้างหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ได้