กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์เพิกถอนอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของ บมจ. อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) เนื่องจากการควบบริษัทได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมทั้งให้อันดับเครดิตใหม่แก่หุ้นกู้มีประกันของ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘A+(tha)’ แก่หุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยคืนเงินต้นของบริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ หุ้นกู้มีหลักประกันดังกล่าวได้ถูกโอนมาจากบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ATC หลังการการควบรวมกิจการกับบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะเดียวกันฟิทช์ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยคืนเงินต้นของ ATC เป็น ‘A+(tha)’ จาก ‘A-(tha)’ (A ลบ (tha)) นำอันดับเครดิตดังกล่าวออกจากเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวก (Rating Watch Positive) ซึ่งฟิทช์ได้ประกาศเครดิตพินิจเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 เนื่องจากการประกาศควบรวมกิจการของบริษัททั้งสอง และเพิกถอนอันดับเครดิตของ ATC
อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีหลักประกันของ PTTAR สะท้อนถึงลักษณะการดำเนินธุรกิจที่มีการพึ่งพากันในระดับที่สูงระหว่างบริษัทกับ บมจ. ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. การได้รับการสนับสนุนจาก ปตท. ขนาดของกิจการที่ใหญ่ขึ้นและความคล่องตัวและการกระจายตัวในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้นหลังจากการควบรวมบริษัท ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของรายได้และกำไรของบริษัทลงได้ในระดับหนึ่ง ฟิทช์ยังกล่าวอีกว่าการควบรวมกิจการจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในด้านต้นทุนเนื่องการขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น (Economy of Scale) และทำให้สถานะทางการตลาดของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งยังทำให้สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย หลังจากที่โครงการอะโรเมติกส์แห่งที่สอง (CPX II) แล้วเสร็จ PTTAR จะเป็นหนึ่งในห้าผู้ผลิตอะโรเมติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการมีสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวและสัญญาการขายอะโรเมติกส์ระยะยาวรองรับ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทที่มีความทันสมัยและระบบการกลั่นที่ซับซ้อน และความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิตของบริษัท ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ของบริษัทจะถูกขายให้กับ ปตท. ภายใต้สัญญาการขายระยะยาว ในขณะเดียวกันวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตอะโรเมติกส์ซึ่งได้แก่ คอนเดนเสท ได้มาจากแหล่งวัตถุดิบในประเทศในอ่าวไทยโดยมี ปตท. เป็นผู้จัดหาภายใต้สัญญาซื้อขายระยะยาว นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะของหนี้ที่มีหลักประกันคุ้มครอง โดยหุ้นกู้นี้มีหลักประกันที่เป็นโรงงาน เครื่องจักร และสิทธิในการใช้ที่ดินของบริษัท (ของ ATC) นอกเหนือจากนี้อัตราส่วนหนี้ที่มีหลักประกันของบริษัทยังมีสัดส่วนที่ต่ำ โดยมีอัตราส่วนเพียงร้อยละ 14.7 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ร้อยละ 2.1 ของสินทรัพย์รวม และร้อยละ 6.2 ของหนี้สินรวม ณ สิ้นปี 2549
ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัท ถูกลดทอนลงจากปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ค่าการกลั่น ตลอดจนลักษณะผันผวนของวัฏจักรของธุรกิจอะโรเมติกส์ บริษัทยังเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดหาน้ำมันดิบในธุรกิจการกลั่นน้ำมันเนื่องจากบริษัทยังต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบในสัดส่วนที่สูง นอกจากนี้อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการลงทุนที่ค่อนข้างสูงซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่ไม่กระจายตัวมากพอ
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ที่ว่าสถานะทางการตลาดและการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทจะช่วยสนับสนุนการลงทุนที่ค่อนข้างสูงดังกล่าว ฟิทช์ยังคาดอีกว่าบริษัทจะสามารถรักษาสัดส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับสัดส่วนหนี้สินของอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของบริษัทได้ตลอดช่วงวัฏจักรของธุรกิจการกลั่นน้ำมันและธุรกิจอะโรเมติกส์
PTTAR ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2550 จากการควบรวมกิจการระหว่าง ATC ซึ่งเป็นผู้ผลิตอะโรเมติกส์รายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กับ RRC ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ที่มีกำลังการกลั่นที่ 145,000 บาร์เรลต่อวัน โดยการควบรวมกิจการดังกล่าวเกิดจากความต้องการของ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทั้งสองบริษัท ที่จะปรับโครงการการลงทุนในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและธุรกิจปิโตรเคมี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการร่วมกันดำเนินธุรกิจ (Integration) และลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนในธุรกิจดังกล่าว โดยหลังจากการควบรวมกิจการ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นอยู่ร้อยละ 48.7
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ติดต่อ: เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, พีรพงศ์ นิธิไกรวุฒิ, Vincent Milton, + 662 655 4755
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน