กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--เครือเบทาโกร
ปัจจุบันสิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างหนึ่งคือความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) หรือ CSR ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และหากกล่าวถึงองค์กรที่นำ CSR มาเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "เครือเบทาโกร" เป็นหนึ่งในองค์กรต้น ๆ ที่นึกถึง
ตลอดระยะเวลา 51 ปี เครือเบทาโกรยึดมั่นอุดมการณ์ความรับผิดชอบต่อสังคม และถือสิ่งนี้เป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ ที่แม้จะมีการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ทันสมัย แต่สิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดคือการเป็นผู้นำเรื่องการผลิตอาหารที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทุกระดับ อันเกิดจากคนคุณภาพ (Excellent People) และกระบวนการควบคุมคุณภาพ (Excellent Process) ควบคู่ไปกับการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมีคุณธรรม ภายใต้หลักการ "ความถูกต้อง ต้องมาก่อนกำไร" ปณิธานนี้ได้รับสืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น และได้รับการยอมรับในวงกว้าง เห็นได้จากปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่ผู้บริหารหลายคนได้รับ นับแต่ ชัยวัฒน์ แต้ไพสิฐพงษ์ ผู้บุกเบิกธุรกิจของเครือเบทาโกร ที่มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์ของประเทศ ที่แม้จะผันตัวไปเป็นประธานกรรมการเครือเบทาโกรแล้ว ก็ยังคงทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างไม่หยุดนิ่ง
รวมทั้งผู้กุมบังเหียนธุรกิจคนปัจจุบันของเครือเบทาโกร วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในฐานะที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมปศุสัตว์และอาหารของไทย ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร สร้างมาตรฐานต่าง ๆ อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารเครือเบทาโกรอีกหลายท่านที่มีผลงานโดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับ อาทิ ถนอมวงศ์ แต้ไพสิฐพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร กับบทบาทในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของประเทศผ่านโครงการความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และณรงค์ชัย ศรีสันติแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร ที่ได้รับการยอมรับในฐานะที่สร้างเสริมให้คนทั้งประเทศมีโอกาสเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ โดยล่าสุด วนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร เข้ารับพระราชทานปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารธุรกิจ ที่พร้อมด้วยคุณวุฒิและคุณธรรม ไปเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา
หากกล่าวถึงวนัส สิ่งที่สัมผัสได้อย่างเด่นชัดจากผู้บริหารคนนี้คือความจริงใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม โดยในปีนี้วนัสตัดสินใจวางมือจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเป็นประธานคณะกรรมการบริหารเพื่อมุ่งดูแลเรื่องกิจกรรมเพื่อสังคมโดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดการแบ่งปันที่เขาที่เชื่อว่า องค์กรสามารถเติบโตเช่นปัจจุบันมาจากการสั่งสมองค์ความรู้ ดังนั้น เมื่อเบทาโกรมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคมจึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ชุมชนนำไปต่อยอดกับอาชีพหลักของตน
เหมือนที่เขาพูดไว้เสมอ "ความยั่งยืนเริ่มต้นจากการที่ตัวเราแข็งแรง และเรานำความรู้ไปช่วยผู้อื่น ช่วยสังคม เมื่อสังคมแข็งแรงขึ้น เราจะแข็งแรงขึ้น และในที่สุดเราทั้งหมดจะยั่งยืน"
วนัสให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมเรื่องของการแบ่งปันองค์ความรู้ใน 3 กลุ่มเป้าหมาย คือลูกค้าใน Supply Chain ชุมชน และมหาวิทยาลัย ที่เด่นชัดที่สุดคือการมุ่งช่วยเหลือชุมชนให้มีอาชีพเลี้ยงตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยนำองค์ความรู้จากธุรกิจไปช่วยพัฒนาสังคมและส่งเสริมธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน การร่วมมือกับโครงการหรือกิจกรรมของมูลนิธิและองค์กรเพื่อสังคม เพื่อต่อยอดให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและชุมชนให้เข้มแข็งและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ภายใต้การพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area Based Community Development: HAB) มาเป็นกรอบในการดูแลชุมชน ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนของเครือเบทาโกร 5 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา และสุขภาพ โดยนำเครื่องมือการจัดการด้านการเพิ่มผลผลิต (Productivity Management) ของเครือเบทาโกรเข้าไปช่วยชาวบ้านให้มีความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยให้ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เป็นพื้นที่ต้นแบบ และให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเชื่อมโยงการพัฒนาแบบบูรณาการทั้ง 5 ด้านสร้างกลไกการขับเคลื่อนในการทำงานร่วมกับชุมชน เพื่อให้เกิดผลที่แท้จริง ผ่านโครงการความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น และสถาบันอุดมศึกษา โดยใช้เครือข่ายปฏิบัติการทางสังคมดำเนินโครงการ นำร่องในพื้นที่ปฏิบัติการ 17 พื้นที่ใน 12 จังหวัด และจะขยายสู่พื้นที่อื่น ๆ ของประเทศต่อไปในอนาคต
วนัสเป็นอีกหนึ่งตัวแทนจากเครือเบทาโกร องค์กรที่มุ่งนำความรู้จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาช่วยเหลือสังคม คู่ค้า และชุมชนอย่างจริงจัง แม้วันนี้ธุรกิจของเครือเบทาโกรจะก้าวไปไกล แต่ปณิธาน "ความถูกต้อง ต้องมาก่อนกำไร" ยังคงได้รับการส่งต่อรุ่นสู่รุ่น และนี่คือ "เพื่อคุณภาพชีวิต" ในแบบฉบับเบทาโกร