กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--พลังงานบริสุทธิ์
EA ขึ้นแท่น ได้รับเกียรติจากประธานาธิบดี Tsai Ing-wen ในพิธีลงนามกับรัฐบาลไต้หวันโดย Mr. Jong-Chin Shen รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐการ, ไต้หวัน ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) ร่วมกับ "สมโภชน์ อาหุนัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ในงาน 2018 Taiwan Business Alliance Conference ณ กรุงไทเป มีเป้าหมายเพื่อหนุน EA เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานรองรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้า ปูทางผู้ประกอบการไทยจับมือกับไต้หวันผงาดสู่เวทีโลก
ประธานาธิบดี Tsai Ing-wen, ไต้หวัน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent หรือ LOI) ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไต้หวันกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) โดยมี Mr. Jong-Chin Shen รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐการ, ไต้หวัน และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เป็นผู้ร่วมลงนามในงาน 2018 Taiwan Business Alliance Conference ณ กรุงไทเป เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า ความร่วมมือดังกล่าว เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไต้หวันเล็งเห็นความสำคัญและความตั้งใจจริงของ EA ที่เข้าลงทุนในอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) หรือแบตเตอรี่ ด้วยการเข้าถือหุ้นบริษัท Amita Technologies Inc. ถึงร้อยละ 70 และผลักดัน Amita ขึ้นเป็นผู้นำในระดับโลกด้วยการเตรียมลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาด 50 กิ๊กะวัตต์ชั่วโมงซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของทั้งไทยและไต้หวันในระดับสากลได้ รัฐบาลไต้หวันจึงมีความประสงค์ที่จะสนับสนุน อีกทั้งจะส่งผลต่อสัมพันธภาพอันดีในระยะยาวระหว่าง EA กับบริษัทในไต้หวันอีกด้วย
โดย EA ได้ลงนามใน LOI เพื่อยืนยันเจตจำนงในการลงทุนในอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานในไต้หวัน และ กระทรวงเศรษฐการ ไต้หวัน ได้ลงนามเพื่อยืนยันเจตจำนงที่จะให้การสนับสนุนทั้งด้านข้อมูล การแก้ไขปัญหา และความช่วยเหลือในการดำเนินงานตามที่ EA ต้องการ การแนะนำโอกาสทางธุรกิจให้ EA ตลอดจนการอำนวยความสะดวกทั้งด้านเทคนิค และด้านธุรกิจระหว่าง EA และบริษัทในไต้หวัน
"นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่รัฐบาลไต้หวันเห็นถึงความสำคัญและความตั้งใจจริงของ EA และเข้ามาสนับสนุนโครงการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน ตลอดจนหยิบยื่นโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ให้ในรูปแบบที่เป็นทางการและจริงจัง ทำให้ผมยิ่งเชื่อมั่นในทิศทางที่เรากำลังมุ่งไป อุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าในอนาคตทุกภูมิภาคในโลก และจะทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของทั้งสองประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้มแข็งได้ นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้ไทยเราก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขายเทคโนโลยีได้" นายสมโภชน์กล่าวในที่สุด