กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
"ตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางวัย 25 ปี จากสโมสรบางกอกกลาส และ "อาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี จากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะร่วมพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนและแฟนบอล ในโอกาสที่ถ้วยรางวัล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ออนทัวร์มายังกรุงเทพฯ ในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ด้วยฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018" ได้นำถ้วยรางวัลแชมป์เดินทางทัวร์มายังกรุงเทพฯ ให้แฟนบอลชาวไทยได้ชื่นชมที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณชั้น 1 โซน Beacon ในเวลา 15.30 น.ของวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2561 โดยได้เชิญสองนักเตะทีมชาติไทยอย่าง "ตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางวัย 25 ปี จากสโมสรบางกอกกลาส และ "อาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี จากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาร่วมในงานนี้ด้วย เพื่อให้แฟนๆ และสื่อมวลชนได้พบปะกับนักเตะชื่อดังของทีมชาติไทยในชุดปัจจุบันอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ "ตั้ม" ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ "อาร์ม" ศุภชัย ใจเด็ด เป็นนักเตะกำลังสำคัญของทีมชาติไทยที่จะลงป้องกันแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่สามติดต่อกัน และสมัยที่หกในประวัติศาสตร์รายการนี้ โดย ธนบูรณ์ เป็นหนึ่งในทีมชาติไทยชุดแชมป์สองสมัยติดต่อกันปี 2014 และ 2016 ขณะที่ ศุภชัย เพิ่งจะติดทีมชาติชุดใหญ่เล่นในรายการนี้เป็นครั้งแรก แต่ทั้งนี้ศุภชัยเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสองสมัยติดต่อกันและเป็นหนึ่งในนักเตะรุ่นใหม่ที่กำลังฟอร์มดีเป็นคาดหวังของทีมชาติ
สำหรับฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบสุดท้ายจะแข่งขันระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน ถึง 15 ธันวาคมนี้ ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้นำถ้วยแชมป์ออกทัวร์ไปชาติต่างๆ ทั้ง 10 ชาติที่เล่นในรอบสุดท้าย เพื่อให้แฟนบอลได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศก่อนเริ่มการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินทางไปเยือนกัมพูชาและเมียนมาร์ ในขณะที่วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคมจะเป็นการเยือนกรุงมะนิลา นครหลวงของฟิลิปปินส์ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ให้แฟนบอลชาวไทยได้ชื่นชมในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม ตามด้วยกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในสัปดาห์หน้า และไปยังกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ต่อไป
สำหรับทีมชาติไทยคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ มากที่สุดตลอดกาลรวม 5 ครั้ง ดังนั้นการที่ถ้วยแชมป์อาเซียนมาทัวร์กรุงเทพฯ ครั้งนี้จึงเสมือนกับการกลับมาเยือนบ้านนั่นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน จัดขึ้นทุกสองปี จัดโดยสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือเอเอฟเอฟ (ASEAN Football Federation – AFF) ได้รับการรับรองโดยฟีฟ่า (FIFA) และเป็นการชิงชัยของผู้เล่นทีมชุดใหญ่ หรือทีมชุด A ของแต่ละชาติสมาชิก โดยจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1996 จากความร่วมกันระหว่างเอเอฟเอฟ และลากาแดร์ สปอร์ตส์
ในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนครั้งที่ 12 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2561 และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ โดยยกเลิกการมีเจ้าภาพ มาแข่งแบบแบ่งกลุ่มเหย้า-เยือนแทน ในรอบแบ่งกลุ่มจะมี 10 ทีม ทีมอันดับ 1-9 ของอาเซียนผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมาร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว ส่วนอีก 2 ทีมคือ บรูไน และติมอร์ เลสเต จะลงแข่งรอบคัดเลือก 2 นัดแบบเหย้า-เยือน ในวันที่ 1 และ 8 กันยายนนี้ เพื่อหาผู้ชนะคว้าตั๋วใบสุดท้ายสำหรับรอบแบ่งกลุ่ม การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม แข่งแบบพบกันหมด 4 นัด โดยแต่ละทีมจะได้ลงเล่นในบ้าน 2 นัด และไปเยือน 2 นัด ก่อนคัดสองอันดับแรกของแต่ละกลุ่มเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งยังใช้ระบบเตะเหย้า-เยือนตามเดิม
การปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ ก็เพื่อให้แต่ละชาติที่ร่วมแข่งขันมีแมตช์จัดแข่งในบ้านมากขึ้น และกระตุ้นความนิยม เพิ่มยอดผู้ชมในสนาม สร้างบรรยากาศการแข่งขันที่สนุกเร้าใจยิ่งขึ้น
จากเรตติ้งฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่พุ่งกระฉูดและบัตรเข้าชมเกมที่จำหน่ายหมด ช่วยการันตีว่าศึกลูกหนัง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ซึ่งบ่อยครั้งได้รับการเปรียบเทียบว่าคือศึกเวิลด์คัพของภูมิภาคอาเซียน เป็นหนึ่งในรายการที่สนุกตื่นเต้นเร้าใจมากที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลอาเซียน เพื่อตอกย้ำคำพูดดังกล่าว จะเห็นได้จากสถิติตัวเลขผู้ติดตามรับชมศึกลูกหนังเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 เป็นรายการกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดแห่งปีในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยมียอดผู้ชมรวม 40 ล้านคน และ 35 ล้านคน ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าเรตติ้งผู้ชมฟุตบอลยูโร 2016
นอกจากสร้างสถิติตัวเลขเรตติ้ง ในปี 2016 ยังมีเรื่องราวที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ลูกหนังอาเซียน เมียนมาร์และฟิลิปปินส์ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ ขณะที่ทีมชาติไทยทำสถิติคว้าแชมป์มากที่สุด 5 สมัย และมีอีกเพียงสามชาติเท่านั้นนั่นคือ สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย ที่ประสบความสำเร็จได้ครองถ้วยแชมป์ฟุตบอลรายการนี้
สำหรับบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน ผู้นำด้านการผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพครั้งแรกในปี 2008 และเปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การต่อสัญญาในปี 2018 ถือเป็นความร่วมมือครั้งที่ 6 ติดต่อกันของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์เปอเรชัน และเอเอฟเอฟ
ขณะเดียวกันในเดือนมีนาคม 2017 เอเอฟเอฟได้ต่อสัญญากับ ลากาแดร์ สปอร์ตส์ ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการระดับชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องออกไปอีกในปี 2018, 2020, 2022 และ 2024 ไม่เพียงเท่านั้นในปีนี้ เอเอฟเอฟยังเปิดตัวโลโก้ใหม่ของการแข่งขันที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ วัฒนธรรม และเทรนด์ต่างๆ ของกลุ่มคนในรุ่นไซเบอร์ เจเนอเรชัน และผู้จัดการแข่งขันยังนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมกลยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัลในอันดับต้น เพื่อปฏิสัมพันธ์กับแฟนบอล และโปรโมทการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ และดึงดูดแฟนบอลจากทั่วภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น
ติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : http://affsuzukicup.com/2018/