BeCool Production Notes กำหนดฉาย 21 เมษายน

ข่าวทั่วไป Thursday March 10, 2005 16:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
ในเรื่อง BeCool เป็นการกลับมาของจอห์น ทราโวลต้า ในบทบาทของ ชิลี ปาล์มเมอร์ จากเรื่อง Get Shorty สมาชิกแกงค์อาชญากรที่ผันตัวเองไปเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ในคราวนี้ชิลีได้ทิ้งวงการภาพยนตร์ที่เอาแน่ไม่ได้ และหันไปเดินในเส้นทางสายดนตรีแทน ทั้งต้องพัวพันกับแก็งค์รัสเซียและบรรดาแร็พเปอร์ และยังกางปีกป้องนักร้องสาวรุ่นอารมณ์ร้อนที่เปี่ยมพรสวรรค์ ลินดา มูน ตั้งแต่สตูดิโอบันทึกเสียงไปจนถึงคอนเสิร์ต Aerosmith จนถึง MTV Music Awards เขาสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อจะได้เห็นพวกเขาแสดงแบบชิลี โดยการผสานทักษะของคนหัวใสและความสามารถในการต่อรองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเป็นธุรกิจที่อันตราย และทุกคนต่างแสวงหาทางรุ่งของตัวเอง…
Metro-Goldwyn-Mayer Pictures ภูมิใจเสนอผลงานภาพยนตร์ของ Jersey Films/Double Feature Films เรื่อง BE COOL นำแสดงโดยจอห์น ทราโวลต้า และอูม่า เธอร์แมน ภาพยนตร์รวมดาราเรื่องนี้ร่วมแสดงโดย วินซ์ วอห์น, เซดริค เดอะเอนเตอร์เทนเนอร์, อังเดร เบนจามิน, สตีเวน ไทเลอร์, โรเบิร์ต แพสโทเรลลี่, คริสติน่า มิเลียน, ฮาร์วีย์ คีเทล, เดอะ ร็อค, และแดนนี่ เดอวีโต้ กำกับการแสดงโดย เอฟ แกรี่ เกรย์ จากบทภาพยนตร์โดย ปีเตอร์ สไตน์เฟลด์ เค้าโครงจากนวนิยายโดยเอลมอร์ ลีโอนาร์ด Be Cool อำนวยการสร้างโดยแดนนี่ เดอวีโต้, ไมเคิล แชมเบิร์ก, สเตซีย์ เชอร์, และเดวิด นิคเซย์, ร่วมกับผู้อำนวยการบริหาร เอฟ แกรี่ เกรย์, เอลมอร์ ลีโอนาร์ด, และไมเคิล ซีกัล ผู้อยู่เบื้องหลังกล้อง ได้แก่ ผู้กำกับภาพเจฟฟรีย์ แอล คิมบอล, ผู้ออกแบบฝ่ายศิลป์คือ ไมเคิล คอเรนบลิธ, ผู้ลำดับภาพคือ เชลดอน คาห์น, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือ มาร์ค บริดเจส, ผู้ควบคุมดนตรีคือ แมรี่ รามอส, และผู้ประพันธ์เพลงคือ จอห์น พาวเวล
งานสร้างอย่าง COOL
ภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่องฮิต Get Shorty นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายด้าน เปิดตัวรูปแบบใหม่ของแก็งค์ เปลี่ยนจากแนวดั้งเดิมที่เคยมีมาก่อน; นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับจอห์น ทราโวลต้า ที่ทำให้ผู้ชมได้รู้จักกับตัวละครตัวหนึ่งที่ประทับความทรงจำที่สุดในการทำงานของเขา และยังกระตุ้นแวดวงการอ่านให้กว้างขึ้นด้วยเนื้อหาที่หนักแน่นน่าประทับใจจากปลายปากกาของเอลมอร์ ลีโอนาร์ด ในฮอลลีวู้ดแล้ว ถ้าใครไปได้ไกลขนาดนั้น ก็เห็นภาคต่ออยู่แค่เอื้อม แม้จะใช้เวลาเกือบสิบปีกับการเตรียมการทำงาน แต่เมื่อตอนต้นปี 2004 ในทีสุดการถ่ายทำเรื่อง Be Cool ทั้งเรื่องก็เริมขึ้นในฮอลลีวู้ด แคลิฟอร์เนีย
สิ่งที่เราเห็นในจอคือสิ่งที่เริ่มต้นบนหน้ากระดาษ สำหับเอลมอร์ ลีโอนาร์ด นักเขียนนิยายชื่อดังแล้ว มันต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่เขาจะรู้สึกมั่นใจพอที่จะเขียนภาคต่อจากเรื่อง Get Shorty “แต่เมื่อผมลองคิดดู และคิดถึงจอห์น ทราโวลต้าในบทของชิลี ปาล์มเมอร์ เพราะเขายอดเยี่ยมมากในเรื่อง Get Shorty” ลีโอนาร์ดกล่าว “มันไม่ยากทที่จะเห็นเขากลับมารับบทเดิมอีก ผมยังผนึกไว้ในใจว่ามันเป็นภาคต่อ — และภาคต่อจะต้องดีกว่าภาคแรก — ผมจึงต้องหาแนวคิดใหม่ และอีกอาณาเขตที่จะเดินเรื่อง ผมคิดว่าชิลีซึ่งยังคงอยู่ในวงการภาพยนตร์จะมองหาสิ่งใหม่ๆ ผมตกลงใจให้เขาหาทางเข้าสู่ธุรกิจเพลง และจากนั้นมันก็มีวัตถุดิบดีๆ มากมาย บางทีอาจเป็นเพราะมันคือธุรกิจที่ดุเดือดกว่าหนังและมีความโหดที่แฝงอยู่มากกว่า”
เมื่อเขียนนิยายจบเรียบร้อย ปีเตอร์ สไตน์เฟลด์ ผู้เขียนบทภาพยนตร์ได้ถูกนำตัวมาแปลงเรื่องให้เป็นบทหนัง; ครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่อง Be Cool คือจากภรรยาและตัวแทนของเขา “ผมอ่านหนังสือจบในสามชั่วโมง แล้วผมก็ต้องไปที่ Jersey Films และพิสูจน์ตัวเองกับผู้อำนวยการสร้าง แดนนี่ เดอวีโต้, ไมเคิล แชมเบิร์ก และสเตซี่ เชอร์ อย่างหนึ่งที่ผมทำตอนซ้อมในระหว่างขับรถก็คือพูดดังๆ กับตัวเองในรถ ตอนที่ขับผ่านทางเบเวอลีฮิลล์ และตอนที่ติดไฟแดงอยู่นั้น ผมก็พูดกับตัวเองและหันไปเห็นผู้ชายในรถที่อยู่ทางซ้ายมือกำลังจ้องผมอยู่ ผมมองไปที่เขาในขณะที่กำลังพูดไปด้วย เขาคือเดลรอย ลินโด ที่เคยรับบทเป็นโบ แคนเล็ทในเรื่อง Get Shorty ผมบังเอิญมีหนังสือเรื่อง Get Shorty กับ Be Cool วางอยู่บนเบาะหน้า ผมก็เลยหยิบ Get Shorty แล้วชูให้เขาดู เขายกนิ้วโป้งให้ผม ผมคิดขึ้นมาได้ในวูบนั้นว่า ‘นี่เป็นลางดี มันคือสิ่งที่บอกให้รู้ ‘” สไตน์เฟลด์ได้งานนั้น
หากได้อ่านหนังสือของเขา สไตล์การเขียนของลีโอนาร์ดทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังดูหนังอยู่ เพราะบทสนทนาช่างเฉียบคมและเรียบเรียงไว้เป็นเอย่างดี “การดัดแปลงจากหนังสือของลีโอนาร์ดเหมือนเป็นทั้งพรและคำสาป” สไตน์เฟลด์บอก “เพราะงานเขียนของเขาเหมือนหนังและอัดแน่น เขาเป็นเหมือนเช็คสเปียร์ในภาคนิยายอาชญากรรม เขาเข้าสู่หัวใจของเหตุการณ์ ที่น่ากลัวก็คือการส่งร่างตัวแรกของสคริปท์ให้เขาดู แต่พอโทรศัพท์ดังขึ้น เขาบอกว่า ‘ปีเตอร์ นี่เอลมอร์ ลีโอนาร์ดนะ’ ผมตอบว่า ‘ลีโอนาร์ด สบายดีไหมครับ? ยินดีที่ได้คุยกับคุณ’ แล้วเขาก็พูดว่า ‘ผมชอบมัน ผมชอบสคริปท์’ เขาเป็นคนที่ให้กำลังใจอย่างมาก”
เกรค ซุทเตอร์ ผู้ค้นคว้าของลีโอนาร์ด สะท้อนให้ฟังถึงคำชมที่ลีโอนาร์ดมีต่องานของ สไตน์เฟลด์ว่า “ปีเตอร์ยกระดับเรื่องราวขึ้นอย่างสิ้นเชิง เหมือนอย่างที่สก็อต แฟรงค์เคยทำไว้ในเรื่อง Get Shorty” ซุทเตอร์กล่าว “เอลมอร์มีความมั่นใจในตัวปีเตอร์เพราะว่าเขาเขียนตามพื้นฐานของเรื่อง Be Cool ในส่วนของบทสนทนาและสคริปท์ แต่ปีเตอร์ยังสามารถขยายออกไปได้เป็นอย่างมาก
“และการคัดตัวแสดงนั้น แน่นอนว่าทำได้ยอดเยี่ยมมาก” เขากล่าวต่อ “จอห์นและอูม่าพบกันอีกครั้ง! ช่วงเวลาแห่งความหัศจรรย์ของพวกเขา — ฉากที่เต้นรำโดยมีวง Black Eyed Peas เล่นเพลง ‘Sexy’ เป็นแบ็คกราวน์ — นั่นเป็นฉากที่คนอยากเห็น พวกเขาอยากเห็นการกลับมาพบกันอีก เพราะมันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ในเรื่อง Pulp Fiction”
ผู้กำกับฯ เอฟ แกรี่ เกรย์ เซ็นสัญญาเป็นผู้ดูแลงานภาพยนตร์ ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นแฟนตัวยงของหนังอีกสองเรื่องที่เคยสร้างจากนิยายของลีโอนาร์ด: เรื่อง Get Shorty และ Out of Sight เกรย์รักโลกที่ลีโอนาร์ดสร้างขึ้น และการใส่ใจในเรื่องที่รายละเอียดถูกถ่ายทอดจากหนังสือลงสู่แผ่นฟิล์ม
ทุกคนที่รู้จักเกรย์พูดถึงมุมมองที่ไม่ธรรมดาของเขา ว่าเขาจะเข้าถึงแต่ละฉากด้วยสัมผัสที่ไม่เหมือนใครอย่างที่เขาแห็นมัน และเขาจะมีเรื่องน่าประหลาดใจและไม่คาดฝัน “ตอนที่ผมได้อ่านเกี่ยวกับเรื่อง Be Cool และรู้ว่าเขียนโดยเอลมอร์ ผมนึกขึ้นมาทันทีว่า ‘มันต้องตลกแน่ๆ ผมต้องอ่านมัน’” แกรี่เล่า และ “และพอผมได้อ่านบทภาพยนตร์ของปีเตอร์ สไตน์เฟลด์ ผมคิดว่ามันตลกอย่างเหลือเชื่อ”
การทำงานกับจอห์น ทราโวลต้าเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งสำหรับผู้กำกับฯ เกรย์ “เวลาเราทำงานกับใครสักคนที่แสดงเป็นตัวละครเป็นครั้งแรก มันต้องใช้เวลาที่จะหลอมเป็นแม่แบบ” เกรย์บอก “เราอาจต้องถ่ายกันไปครึ่งหนึ่งกว่าจะเจอจุดที่ใช่” เขารู้ว่าคราวนี้มันจะแตกต่าง “วันแรกของการถ่ายทำ” เขากล่าวต่อ “จอห์นเดินเข้ามาในฉากและกล่ายเป็นชิลี ปาล์มเมอร์ ในทันที นั่นคือสิ่งที่ผมรักเกี่ยวกับเขา เขาเตรียมตัวมาเต็มที่ เขาเข้าใจตัวละครอย่างถ่องแท้ ผมไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ผ่านไปสิบปี มันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จอห์นจะกลับมาสวมบทได้ แต่มันใช้ได้ทันที นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเป็นนักแสดงที่สุดยอด แม้ว่าผมจะรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะสร้างตัวละครที่ไม่อาจลบเลือนได้แบบนั้น เขาทำให้มันดูง่าย เขาเป็นชิลี ปาล์มเมอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และเขาทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์”
มีหลายองค์ประกอบที่ไม่ธรรมดาในนิยายของลีโอนาร์ด แต่บางทีปัจจัยที่สนุกสนานที่สุดอาจเป็นบรรดาตัวละครที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา — ตัวละครอะไรแบบนั้น! Be Cool เป็นคอมเมดี้ที่ชอบทำอะไรแบบเกือบตกขอบ และเหล่าตัวละครก็ช่างมีชีวิตชีวาและโดดเด่น แต่ละคนมีเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มีกำหนดการของตัวเอง มีความไม่ธรรมดา ความน่ารัก และความลืมไม่ลง นอกเหนือจากจอห์น ทราโวลต้าในบทชิลี ปาล์มเมอร์ เรายังมีอูม่า เทอร์แมนเป็นอีดี้ สาวเซ็กซี่ผิวสีแทนแสนงาม รสนิยมดี และเป็นนักร้องอินดี้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ วินซ์ วอห์น เป็นราจี หนุ่มผิวขาวหลงรักเมืองใหญ่ที่กระหายอย่างแรงกล้าที่จะได้รับการนับถือบน “ถนนสายดนตรี” และ เดอะร็อค รับบทเป็นบอดี้การ์ดของราจี หนุ่มบึกกล้ามเป็นมัดที่อยากเป็นนักแสดงและยังเป็นเกย์อีกด้วย เซดริคเดอะเอนเตอร์เทนเนอร์รับบทเป็นซิน ลาแซล โปรดิวเซอร์เพลงที่จบมาจากวาร์ตัน ผู้ไม่กลัวการใช้พลังกล้ามหรือโลหะเพื่อต่อยอดสู่เป้าหมายของเขา และอังเดร เบนจามิน (หรือรู้จักกันในนาม Andr? 3000 of OutKast) เป็นดาบู สมาชิกของวงแร็พยอดฮิตของซิน DubMD ซึ่งมีอารมณ์ขันแบบโหดๆ และคันมือในการเหนี่ยวไก ฮารีย์ คีเทล เป็นหัวหน้าจอมป่วนของบริษัทจัดการ สตีเวน ไทเลอร์รับบทเป็นตัวเอง ที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับ Rock God-dom และผู้ที่กลับมาจากเรื่อง Get Shorty (และเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับทั้งสองเรื่อง) แดนนี่ เดอวีโต้ กลับมาในบท มาร์ติน เวียร์ผู้กำกับฯ ไร้เหตุผล คราวนี้ควงคู่มากับแอนเนท นิโคล สมิธ — และรายชื่ออีกยาวเหยียด เราไม่มีทางรู้ว่าตัวละครจะทำอะไรต่อ และความคาดเดาไม่ได้นี้เป็นเรื่องที่สร้างความบันเทิงที่หมิ่นเหม่และน่าขันยิ่ง
เมืองลอสแอนเจลิสก็เป็นหนึ่งในตัวละครอีกด้วยในเรื่อง Be Cool แอลเอเป็นศูนย์กลางของวงการภาพยนตร์เช่นเดียวกับธุรกิจเพลง และหนังเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการปะทะกันของไลฟ์สไตล์เมื่อมาถึงทางแยกของความบันเทิง เมื่อชิลีย้ายข้ามฝั่ง มันเป็นเรื่องที่จำเป็นซึ่งผู้สร้างจะต้องเก็บรายละเอียดในความหมิ่นเหม่ของความบิดเบี้ยวของลอสแอนเจลิส ในแง่นั้นพวกเขาใส่โลเคชั่นที่จำเป็นอย่างยิ่งลงไปในหนัง นับตั้งแต่ Staples Center กับการได้รับเกียรติให้นั่งริมคอร์ตที่การแข่งขัน Lakers ไปจนถึง Viper Room ที่ Sunset Blvd. ตั้งแต่ Grauman’s Chinese Theatre บน Hollywood Blvd. ไปถึงวิวของเมืองที่มองจากมุมสูงของ Hollywood Hills และย่านชานเมืองที่ถูกแต่งแต้มอย่างแสนบริสุทธิ์ โลเคชั่นเหล่านี้ทำให้ทีมผู้สร้างสามารถเก็บรายละเอียดอันเข้มข้นของแอลเอไว้ด้วยการถ่ายภาพ การออกแบบฉาก และเครื่องแต่งกายที่หนักแน่น ในขณะที่ช่วยให้เรื่องราวและตัวละครระเบิดอยู่บนจอภาพยนตร์--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ