กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร คาดทิศทาง อสังหาริมทรัพย์หัวหิน-ชะอำร้อนแรง รับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนการท่องเที่ยวฝั่งตะวันตก เชื่อมโยงคมนาคมทาง บก น้ำ อากาศ และระบบราง ดึงดูดนักท่องเที่ยวระยะยาว เผยข้อมูลฝ่ายวิจัยพบคอนโดมิเนียมเป็นตลาดหลัก อุปสงค์ซื้อเพื่ออยู่อาศัยสูงถึง 90% ส่วนใหญ่เพื่อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะทำเล เขาเต่า-เขาตะเกียบ ได้รับความนิยมสูงสุด เหตุติดชายหาด และยังมีสเน่ห์แห่งวิถีชุมชนดั้งเดิม และไม่ไกลจากตัวเมือง ส่งผลราคาที่ดินเพิ่มขึ้นปีละ10-15% ส่วนคอนโดมิเนียมย้อนหลัง 5 ปี ราคาเพิ่ม 41% ขณะที่ยิลด์ปล่อยเช่าเฉลี่ยที่ 4-5% ต่อปี
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าปัจจุบันรายได้จากการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศไทย ซึ่งภาครัฐก็ได้วางแผนในการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งตะวันตก (Thailand Riviera) ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะเส้นทางการคมนาคมที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อให้นักท่องเที่ยว เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและหลากหลายมากขึ้น มีโครงการพัฒนาด้านคมนาคมเชื่อมโยงทางบกและทางน้ำ อาทิ มอเตอร์เวย์เส้นทางนครปฐม-ชุมพร และเดินเรือเฟอร์รี่ควบคู่กับการ พัฒนาท่าเรือ เชื่อมโยม 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทย นอกจากนี้ยังมีการคมนาคมทางอากาศด้วยการปรับปรุงและขยายท่าอากาศยาน รวมถึงทางราง ด้วยรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-หัวหินและ รถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐม-หัวหิน,หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์และประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ซึ่งแผนการพัฒนาดังกล่าวส่งผลดีต่อศักยภาพการท่องเที่ยวของหัวหินและชะอำโดยตรง ซึ่งหัวหินนั้นเป็นเมืองตากอากาศที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ยิ่งจะได้รับความสนใจมากขึ้น
จากการสำรวจข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ พลัสฯ พบว่าปัจจุบันหัวหิน-ชะอำ เป็นทำเลยอดนิยมในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นบ้านพักตากอากาศ โดยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่หัวหิน-ชะอำ ตลาดหลักยังเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งในปี 2561 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเสนอขาย 12,592 ยูนิต ส่วนใหญ่เปิดขายมามากกว่า 4 ปี มีอัตราตอบรับอยู่ที่ 76% ปัจจุบันยังเหลือยูนิตคงค้างในตลาด 3,028 ยูนิต โดยคาดว่าจะขายหมดภายใน 9 เดือน ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 140,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งหากเป็นโครงการติดหาดในเมืองหัวหิน ราคาสูงสุดแตะ 250,000 บาทต่อตารางเมตร เนื่องจากราคาที่ดินทำเลนี้สูงถึงไร่ละกว่า 150 ล้านบาท ทำให้ราคาขายเฉลี่ยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี เมื่อเทียบย้อนหลัง 5 ปีขยายตัวสูงขึ้นถึง 14% ซึ่งการเติบโตของตัวเลขนี้สอดคล้องกับภาคการท่องเที่ยวที่พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 4-5% ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 80-90% นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติ โดยจากชาวต่างชาติที่เข้ามา ท่องเที่ยวในพื้นที่หัวหินสูงสุด 3 อันดับแรกมาจากสหราชอาณาจักร, เยอรมนีและกลุ่มสแกนดิเนเวีย (เดนมาร์ค ฟินแลนด์ นอร์เวย์และสวีเดน) ส่วนคนจีนแม้ปัจจุบันยังมีสัดส่วนที่ไม่มาก แต่มีอัตราเติบโตสูง โดยเติบโตเฉลี่ย ปีละ 10% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทำให้รายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวเติบโตเช่นกัน โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 7-8% อีกทั้งค่าใช้จ่ายต่อหัว (Average Expenditure (Baht/person/day)) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนอัตราเข้าพักของ โรงแรมในหัวหิน (Occupancy Rate) ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 67.31% เติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 4%
นอกจากนี้ยังพบว่ายอดขายคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นในพื้นที่หัวหิน-ชะอำ ส่วนใหญ่เป็นอุปสงค์จากกลุ่มคนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่แท้จริงสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศและ เพื่อการปล่อยเช่ามากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งกลุ่มที่ซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศนั้น นอกจากสำหรับพักผ่อนชั่วคราวแล้ว วัตถุประสงค์ของกลุ่มนี้จะเป็นการแฝงเพื่อปล่อยเช่าในช่วงที่เว้นว่างไม่ได้มาพักเพื่อการลงทุนอีกทางหนึ่งด้วย โดยการ เลือกซื้อโครงการของลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับทำเลเป็นหลัก ซึ่งทำเลที่ยอดนิยมคือบริเวณริมทะเลฝั่งเขาเต่า – เขาตะเกียบ เนื่องจากโครงการที่อยู่ทำเลนี้ส่วนใหญ่อยู่ติดทะเล หรือหากไม่ติดทะเลก็สามารถเดินถึงทะเลและตัวโครงการสามารถเห็นวิวทะเลได้ จากศักยภาพที่อยู่ริมฝั่งทะเลที่ไม่ไกลจากตัวเมือง อีกทั้งปัจจุบันที่ดินบริเวณนี้หาได้ยากขึ้น จึงทำให้ที่ดินเขาเต่า-เขาตะเกียบมีราคาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะ อย่างยิ่งที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นปีละ 10-15% ทำ และส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ เสนอขายในโซนนี้มีการเติบโตสูงเช่นกัน โดยปัจจุบันราคาขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 บาทต่อตารางเมตร เติบโตสูงถึง41% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากปัจจัยที่ดินศักยภาพหาได้ยากขึ้นจึงทำให้โครงการใหม่ในโซนเหล่านี้มีไม่มากนัก โดยเฉพาะใน ทำเลเขาเต่าที่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในโซนนี้ ที่ยังมีการเปิดขายอยู่ก็มีอัตราการ ตอบสูงกว่า 90% แล้ว ส่วนน้อยที่ยังคงค้างยูนิตในตลาด ปัจจุบันเหลือเพียง 32 ยูนิตเท่านั้น หากพิจารณาแนวโน้มของ ราคาเสนอขายในทำเลเขาเต่า จากอดีตในช่วย 5 ปีที่ผ่านราคาขายโครงการใหม่ที่ขยับสูงขึ้นถึง 54% โดยปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยในทำเลนี้อยู่ที่ 130,000 บาทต่อตารางเมตร ทำเลเขาเต่ามีการพัฒนาโครงการใหม่น้อย เนื่องจากที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่มีจำกัด จึงทำให้ราคาที่ดินขยับสูงขึ้น จึงคาดการณ์ว่าหากปัจจุบันหากมีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดอีกอาจขยับราคาไปถึง 150,000 บาทต่อตารางเมตร
"ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินยังถือว่าไปได้ดีไม่น่ากังวลจากการเก็งกำไร เพราะมีอุปสงค์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยสูงถึง 90% รูปแบบห้องที่นิยมซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศคือ คอนโดเนียมโลว์ไรซ์สไตล์ Modern Tropical เน้นห้องใหญ่ สำหรับครอบครัว โดยทำเลที่นิยมคือเขาเต่า เนื่องจากอยู่ติดทะเล มีความสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนวันหยุด อีกทั้งยังได้สัมผัสวิถีดั้งเดิมของคนในพื้นที่ อาทิ การแล่นเรือหางยาวที่ให้บรรยากาศดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี อีกทั้งเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากตัวเมือง ซึ่งการซื้อสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศนั้นยังสามารถนำมาปล่อยเช่าได้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้เข้าพัก โดยการปล่อยเช่าในหัวหิน-ชะอำนั้นยังได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (yield) ประมาณ 4-5% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนขึ้นอยู่กับขนาดห้อง ช่วงเวลาที่ปล่อยเช่า และทำเล ซึ่งหากปล่อยเช่าในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและอยู่ในทำเลที่ดีก็จะมีผู้สนใจเช่าห้องพักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไตร มาส 1 และไตรมาส 4 หรือในช่วงวันหยุดยาวที่ชาวต่างชาตินิยมมาพักอาศัยเป็นแรมเดือน อัตราเข้าพักของคอนโดมิเนียม ปล่อยเช่า (Occupancy rate) ในปัจจุบันอยู่ที่ 52% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนรูปแบบห้องที่ยังเป็นที่นิยมคือ สตูดิโอ, 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน" นายอนุกูล กล่าว