กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่
บอร์ด บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ไฟเขียวทุ่มงบ 168.80 ล้านบาท ส่งบริษัทย่อย "ดับบลิวพี แก๊ส" ซื้อหุ้น "ไทยแก๊ส คอร์ปอเรชั่น" เสริมฐานทัพให้แข็งแกร่ง "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" เผยการลงทุนในครั้งนี้ทำให้ธุรกิจมีศักยภาพทั้งในส่วนของ อัตราการเติบโตของทรัพย์สิน ผลกำไร กระแสเงินสด ที่สำคัญเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 11/2561 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 มีมติอนุมัติให้ บริษัท ดับบลิวพี แก๊ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนในบริษัท ไทยแก๊ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บจก.ไทยแก๊ส) โดยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ บจก. ไทยแก๊ส รวมคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของทุนจดทะเบียนของบจก. ไทยแก๊ส ในราคาซื้อขายหุ้นละ 154.24 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 168,802,400 บาท เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจให้กลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากบจก.ไทยแก๊ส เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่และมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวอยู่ที่ลำดับที่ 7 ของประเทศ (ข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงาน) โดยมียอดขายประมาณ 83,000 ตันต่อปี และมีคลังเก็บและบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ขนาดความจุ 1,800 ตัน ตั้งอยู่บนที่ดินที่เช่าจากการนิคมอุตสาหกรรมพิจิตรประมาณ 10 ไร่ และมีบริษัทย่อย ชื่อบริษัท พรีเมียร์ แคร์ริเออร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริการขนส่งแก๊สและเชื้อเพลิง โดยบจก. ไทยแก๊ส ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของบจก. พรีเมียร์ ซึ่งจะทำให้ WP มีคลังในการเก็บสำรองก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพิ่มขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันที
นอกจากนี้สถานที่ตั้งคลังเก็บก๊าซปิโตรเลียมเหลวของ บจก. ไทยแก๊ส ที่จังหวัดพิจิตรนั้น ยังคงมีที่ว่างเหลืออยู่ ซึ่งกลุ่มบริษัท มีแผนจะเพิ่มความจุของคลังดังกล่าวให้เป็น 2,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเช่าคลังเพื่อฝากสำรองทางกฎหมายลดลงได้อีกพอสมควร นอกจากนี้พื้นที่ดังกล่าวยังถือเป็นพื้นที่จุดยุทธศาสตร์ในภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ในภาคเหนือตอนล่าง โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการประสานทำงานร่วมกัน (synergy) ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในที่สุด อย่างไรก็ตาม แบรนด์ "ไทยแก๊ส"ยังคงอยู่ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
"คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบ เห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้เปิดเผยขอไว้ในช่วงที่หุ้นของบริษัทกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งการเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้กับบริษัทฯ ทั้งอัตราการเติบโตของทรัพย์สิน ผลกำไร และกระแสเงินสด ที่สำคัญถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว และการเข้าทำรายการดังกล่าว ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการสถานการณ์การเติบโตของความต้องการใช้แก๊ส LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อไปในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดรายได้และสร้างฐานธุรกิจของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งและมั่นคงต่อไปในอนาคต "