กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,222.10-1,230.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,350 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,410 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,460 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.24 น. ของวันที่ 30/10/61)
แนวโน้มวันที่ 31 ตุลาคม 2561
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวว่า สหรัฐเตรียมประกาศเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าที่เหลือทั้งหมดจากจีนภายในช่วงต้นเดือนธ.ค.หากการเจรจาในเดือนหน้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนล้มเหลวในการบรรเทาสงครามการค้า ซึ่งมีกำหนดพบกันนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำจี-20 ในอาร์เจนตินาปลายเดือนพ.ย. ความตึงเครียดทางการค้า หนุนดอลลาร์แข็งแกร่งในฐานะสกุลเงินปลอดภัย เมื่อสงครามการค้ารุนแรงขึ้น กดดันสกุลเงินหยวนให้อ่อนค่าลงมาที่ 6.969 หยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ขณะที่ตลาดจับตามองอย่างใกล้ชิด ว่าธนาคารกลางจีนจะมีการแทรกแซงเพื่อยับยั้งการอ่อนค่าเกินกว่าระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หรือจะปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่อไปจนผ่านระดับดังกล่าว แนวโน้มดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ ยูโรยังถูกกดดันจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอิตาลีเกี่ยวกับแผนร่างงบประมาณขาดดุลของอิตาลีซึ่งถือเป็นการเมิดกฎการคลังของ EU ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุว่า รัฐสภาของอิตาลีจะเริ่มอภิปรายร่างงบประมาณปี 2562 ของรัฐบาลอิตาลีภายในวันพุธนี้ โดยงบประมาณดังกล่าววางเป้ายอดขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ โดยต้องได้รับอนุมัติจากทั้ง 2 สภาของรัฐสภาภายในสิ้นปีนี้ โดยแหล่งข่าวหนึ่ง ระบุว่า เอกสารดังกล่าวจะยื่นต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาเพื่อการหารือเบื้องต้นในวันอังคาร ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า เอกสารดังกล่าวจะถูกส่งมอบในวันพุธ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงสู่ 33.325 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยบาทมีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้วายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up โดยมีบริเวณ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นแนวรับสำคัญ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทดสอบแนวต้านด้านบน และถ้าหากสามารถยืนได้ราคาก็มีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,235-1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะเห็นว่ากระแสข่าวเหล่านี้มีนัยสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ทำให้วายแอลจีแนะนำว่า ควรติดตามกระแสข่าวอย่างใกล้ชิดควรควบคู่ไปกับการจำกัดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำในระยะสั้นยังเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up มีบริเวณแนวต้าน 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้อาจโดนแรงขายออกมาซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวัง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,217 (19,100บาท) 1,208 (19,000บาท) 1,197 (18,800บาท)
แนวต้าน 1,235 (19,450บาท) 1,243 (19,550บาท) 1,254 (19,750บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,217 (19,310บาท) 1,208 (19,160บาท) 1,197 (18,990บาท)
แนวต้าน 1,235 (19,590บาท) 1,243 (19,720บาท) 1,254 (19,890บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999