กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--บาเนีย
ทีม Data Insight บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัดได้สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่มีแผนจะเปิดให้บริการในวันที่ 5 ธันวาคม 2561 นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตรตามแนวรถไฟฟ้าเส้นนี้ที่มีระยะทางรวม 13 กิโลเมตร ว่า มีบริษัทได้ครอบครองตลาดกันอยู่บ้าง และยังมีช่องว่างให้โครงการใหม่ๆ แบรนด์หน้าใหม่เข้ามาเปิดตลาดได้บ้างหรือไม่
ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ มีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ในตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น 283 โครงการ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 55 โครงการ ทาวน์โฮม 113 โครงการ และคอนโดมิเนียมมากที่สุด 115 โครงการ สำหรับทำเลติดรถไฟฟ้าในระยะไม่เกิน 800 เมตร โครงการที่ยังเปิดขายอยู่จะเป็นคอนโดมิเนียมเท่านั้น โดยมีให้เลือกกว่า 16 โครงการ ส่วนบ้านและทาวน์โฮมจะขยับจากแนวสถานีออกไป
ในจำนวน 283 โครงการ เป็นผลงานของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 190 ราย แต่มีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่มีการพัฒนาเกินกว่า 5 โครงการขึ้นไป เริ่มต้นการสำรวจบริษัทที่ครองตลาดตามประเภทที่อยู่อาศัย สำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบอันดับ 1 ได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) มีการโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่พัฒนาในพื้นที่รวม 19 โครงการ โดยเน้นที่การพัฒนาโครงการทาวน์โฮมเป็นหลัก
ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของ บริษัท น้อมบุญ จำกัด บริษัทรายกลางที่เน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก เช่น แบรนด์ เลอ เน็กซ์ตร้า วงแหวน-ศรีนครินทร์ และแบรนด์ เลอ นีโอ อีกหลายโครงการ ขณะที่อันดับ 3 ได้แก่ บริษัท แฟนตาเซีย วิลล่า จำกัด เจ้าของโครงการขนาดเล็กแบรนด์ แฟนตาเซีย วิลล่า ที่ตั้งอยู่ในซอยแบริ่งหลายโครงการ สำหรับบ้านเดี่ยวในย่านนี้มีราคากลางเริ่มต้นที่ 5.2 ล้านบาท/ยูนิต ส่วนทาวน์โฮม มีราคากลางเริ่มต้นที่ 1.98 ล้านบาท/ยูนิต.
ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าแบริ่ง-สมุทรปราการ อันดับ 1 ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นทำเลแจ้งเกิดของออริจิ้น ตั้งแต่โครงการแรก เซ้นส์ ออฟ ลอนดอน ที่สุขุมวิท สุขุมวิท 109 โครงการ บี ลอฟท์ สุขุมวิท 109 และ สุขุมวิท 115 โครงการ เคนซิงตัน และ น็อตติ้ง ฮิลล์ ที่แบริ่ง เป็นต้น ทำให้ออริจิ้นมีคอนโดในย่านนี้มากถึง 8 โครงการ
อันดับ 2 ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน).โดยไม่ได้เน้นการพัฒนาคอนโดที่ติดรถไฟฟ้ามากนัก ส่วนอันดับ 3 ซึ่งมีจำนวนโครงการที่ใกล้เคียงกับอันดับ 2 คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นที่เติบโตมาจากย่านนี้อีกราย ภายใต้แบรนด์ ดิเอ็กเซล ที่แต่ละโครงการก็กระจุกตัวอยู่ในซอยลาซาล สำหรับราคากลางของคอนโดในย่านนี้เท่ากับ 1.52 ล้านบาท/ยูนิต
สำหรับตลาดที่วัดระยะทางจากแนวรถไฟฟ้าและสถานี ในช่วงแรกระยะติดรถไฟฟ้ามีการพัฒนาประเภทคอนโดเป็นหลัก เจ้าตลาดคือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีสัดส่วน 21% ของโครงการที่เกิดขึ้นรอบสถานี ทิ้งห่างจากอันดับอื่นๆ ไปมากทีเดียว แต่ในภาพรวมของแบริ่ง-สมุทรปราการ ในขณะนี้ยังเป็นตลาดเปิด และไม่มีการผูกขาดจากแบรนด์จากบริษัทรายใหญ่มากนัก
ในระยะ 800 เมตร-2 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่มีทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบ และคอนโดมิเนียมที่ยังเปิดกว้างสำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ เนื่องจากแต่ละบริษัทที่พัฒนาโครงการในระยะ 800 เมตร – 2 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้า ยังไม่มีใครที่ครองตลาดได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท แต่ก็ยังสามารถถูกสอดแทรกจากรายอื่นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ส่วนในระยะ 2-5 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้า เป็นตลาดที่เน้นทาวน์โฮมเป็นหลัก โดยมีบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท เป็นเจ้าตลาดในพื้นที่ด้วยสัดส่วน 11% รองลงมาคือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ที่ยังมีเฉพาะโครงการที่อยู่ไม่เกินถนนเทพารักษ์ ส่วน บริษัท น้อมบุญ ก็มีจำนวนโครงการเท่ากัน แต่จะถนัดทำเลทางบางพลี-ศรีนครินทร์ เป็นหลัก
ในส่วนของราคาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ามีราคากลางเริ่มต้น 1.56 ล้านบาท/ยูนิต โดยมีคอนโดเป็นหลัก ในขณะที่ถัดออกไปในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ราคาคอนโดจะลดต่ำลง และดีดกลับมาอีกครั้งในระยะ 2-5 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้า เนื่องจากขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้น ส่วนทาวน์โฮมจะมีราคากลางเริ่มต้นสูงสุดที่ระยะ 800 เมตร – 2 กิโลเมตร คือ 2.3 ล้านบาท/ยูนิต และราคาจะถูกลงเมื่อโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ถัดออกไป เช่นเดียวกับบ้านเดี่ยวที่มีราคากลางเท่ากับ 3.49 ล้านบาท/ยูนิต
ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่ในพื้นที่ส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ มีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็น 77% โดยเจ้าตลาดในกลุ่มราคานี้ ได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท และ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยที่ออริจิ้นจะจับตลาดเริ่มต้นไม่ถึง 1.5 ล้านบาทมากกว่า เอาชนะแบรนด์ใหญ่สายประหยัดอย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ไปได้ ส่วน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จะจับตลาดราคาประมาณ 1.5-3 ล้านบาท มากกว่า
โครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปยังคงเป็นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยมี บริษัท น้อมบุญ ที่เน้นทำเลเกาะตามถนนใหญ่ไม่นิยมเข้าซอย ขณะที่ บริษัท แฟนตาเซีย วิลล่า จะปักหลักอยู่ในซอยลาซาล เน้นทำเลใกล้สถานีแบริ่งใกล้เมือง เดินทางสะดวก
ในอนาคตก็ยังคงต้องจับตามองกันต่อไป โดยเชื่อว่าพื้นที่นี้ยังจะขยายตัวได้อีกมากแน่นอน และยังมีโซนที่น่าจะพัฒนาโครงการได้อีกมาก โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานี อยู่ที่ว่าแบรนด์ไหนจะเห็นลู่ทาง และส่งโครงการลงมาในตลาดเพิ่มเติม