กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,214.50-1,223.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,260 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 170 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,430 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.01 น. ของวันที่ 31/10/61)
แนวโน้มวันที่ 01 พฤศจิกายน 2561
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงนโยบายการเงินในการประชุมที่เสร็จสิ้นลงวันนี้ อีกทั้งยังปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อเป็นเวลา 3 ปี จนถึงปีงบประมาณค.ศ.2020 ถือเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า BOJ ยังห่างไกลจากการถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ส่งผลให้เยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ดอลลาร์สหรัฐยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาที่แข็งแกร่งกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวน้อยกว่าคาดในไตรมาส 3 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี และความขัดแย้งระหว่างอิตาลีและ EU เกี่ยวกับงบประมาณของอิตาลีที่ยังสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินยูโรต่อเนื่อง ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงสู่ 1.12 ดอลลาร์ในไตรมาสปัจจุบัน และมีแนวโน้มต่ำลงอีกสู่ช่วง 1.05-1.10 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 ด้านหยวนทะลุระดับสำคัญที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกหลังจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาเบาบางลง สถานการณ์ที่กล่าวมาหนุนดัชนีดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่รอบ 16 เดือน ที่ 97.06 จนกระตุ้นแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ(BoE)ในวันพฤหัสบดีนี้ ท่ามความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศก่อนเข้าสู่เบร็กซิท สะท้อนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอังกฤษร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนต.ค. ขณะที่การเจรจาเบร็กซิทชะงักงันจากความเห็นต่างในประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ ทำให้ S&P ออกมาระบุว่า ภาวะเบร็กซิทที่ไร้ข้อตกลงอาจจะทำให้อังกฤษเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ คาดว่า BoE จะยังคงนโยบายการเงินตามเดิม แต่ต้องจับตาการแสดงความเห็นของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) หากมีการแสดงความวิตกเกี่ยวความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจต้องเผชิญ จะยิ่งกดดันเงินปอนด์เมื่อเทียบดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ สำหรับมุมมองต่อราคาทองคำ วายแอลจีประเมินว่า ถึงแม้เมื่อราคาขยับขึ้นจะมีแรงขายให้ราคามีการปรับฐานลงมาบ้าง แต่ก็ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาไว้ เบื้องต้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,208-1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้มีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะขยับตัวขึ้นได้ โดยการดีดตัวประเมินแนวต้านไว้บริเวณ 1,228-1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้จะเกิดการย่อตัวเพื่อลงมาสร้างฐานของราคาอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำ ราคาทองคำอาจมีการแกว่งตัวในกรอบ โดยประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ระดับ 1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวรับได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,235 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ราคาทองคำมีแนวโน้มย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,208 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาหลุดแนวรับแรก ราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่แนวรับสำคัญบริเวณโซน 1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากไม่สามารถหยุดแรงขายได้ นักลงทุนยังต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาลงไปอีก ซึ่งควรลงทุนระยะสั้นและทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาทองคำ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,208 (18,950บาท) 1,197 (18,750บาท) 1,186 (18,600บาท)
แนวต้าน 1,228 (19,250บาท) 1,235 (19,350บาท) 1,243 (19,500บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,208 (19,130บาท) 1,197 (18,960บาท) 1,186 (18,780บาท)
แนวต้าน 1,228 (19,450บาท) 1,235 (19,560บาท) 1,243 (19,680บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999