กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 05 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,230.30-1,235.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,380 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,340 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น. ของวันที่ 05/11/61)
แนวโน้มวันที่ 06 พฤศจิกายน 2561
แม้ว่าการคลี่คลายสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนชัดเจนขึ้น แต่ผลกระทบจากสงครามการค้ายังคงรุนแรง ทั้งนี้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนพุ่งทำสถิติสูงสุดในเดือนก.ย. ซึ่งยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยยอดขาดดุลการค้าภาคสินค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 4.3% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.02 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ประเด็นดังกล่าว สนับสนุนทัศนะแง่บวกต่อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ประกอบกับ ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่เปิดเผยในวันศุกร์ที่ผ่านมาแสดงว่า การขยายตัวของการจ้างงานสหรัฐดีดตัวขึ้นสูงในเดือนต.ค. และค่าจ้างแรงงานปรับขึ้นรายปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีครึ่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ อยู่ที่ 3.2% เคลื่อนไหวใกล้จุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จนสร้างแรงกดดันต่อทิศทางราคาทองคำ นอกจากนี้ ประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจค่อนข้างมากคือ การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย.นี้ เนื่องจากการตัดสินใจด้านนโยบายที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ, การตัดสินใจภาคบริษัท และการใช้จ่ายของผู้บริโภคขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ขณะที่การสำรวจความคิดเห็น พบว่า มีโอกาสสูงที่พรรคเดโมแครตอาจจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่พรรครีพับลิกันของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์อาจจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้เช่นเดิม ซึ่งหากพรรคเดโมแครตครองสภาผู้แทนราษฎร อาจจะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดหุ้น อันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งรวมถึงการไต่สวนต่างๆที่เกี่ยวกับคณะบริหารของปธน.ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลลบต่อดอลลาร์จนอาจสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวมีความไม่แน่นอนสูงและยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนจับตาเพื่อใช้ชี้นำราคาทองคำ เบื้องต้นหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคากลับลงมาบริเวณแนวรับ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงแนะนำการลงทุนในลักษณะรอจังหวะซื้อเก็งกำไรจากการแกว่งตัว
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีการแกว่งตัวในช่วงสั้นๆ โดยประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ระดับ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ราคาทองคำมีแนวโน้มย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,224 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง และหากราคาหลุดแนวรับแรก ราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่แนวรับสำคัญบริเวณโซน 1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ นักลงทุนที่มีสถานะขายยังต้องระมัดระวังเพราะราคามีโอกาสค่อยๆขยับขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรลงทุนระยะสั้นและทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาทองคำ และไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,224 (19,050บาท) 1,211 (18,850บาท) 1,197 (18,650บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,400บาท) 1,254 (19,550บาท) 1,266 (19,750บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,224 (19,250บาท) 1,211 (19,040บาท) 1,197 (18,820บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,550บาท) 1,254 (19,720บาท) 1,266 (19,910บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999