กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--มีเดีย พลัส คอนเนคชั่น
องค์การยูนิเซฟยกระดับแสนสิริเป็น UNICEF's Selected Partner จากการเป็นองค์กรที่มีเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือเด็กอย่างจริงจัง และยั่งยืนตลอดช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรแรกขององค์การยูนิเซฟในประเทศไทย ที่มีรายชื่ออยู่บนเว็บไซต์สากลของยูนิเซฟ เทียบ 20 องค์กรชั้นนำระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล พร้อมกันนี้ แสนสิริได้กล่าวคำขอบคุณองค์การยูนิเซฟและพันธมิตรทุกภาคส่วน ในความร่วมมือที่เป็นส่วนสำคัญในการร่วมผลักดันสร้างรากฐานที่ยั่งยืนให้กับเด็กทุกคน เดินหน้าประกาศพันธกิจมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการให้ความสำคัญด้านสิทธิเด็ก และเชิญชวนสังคมไทยร่วมผนึกกำลังผลักดันความสำคัญเด็กสู่นโยบายระดับประเทศ
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า แสนสิริเป็นองค์กรแรกในประเทศไทย ที่ได้รับเลือกให้เป็น selected partner ของยูนิเซฟ ประเทศไทย ที่มีรายชื่ออยู่บนเว็บไซต์สากลของยูนิเซฟ จากการที่แสนสิริเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อเด็ก ซึ่งน่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระยะยาวสำหรับพัฒนาเด็ก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแสนสิริจะเป็นแรงบัลดาลใจให้องค์กรธุรกิจอื่นๆ ในการดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรต่อเด็ก เพื่อความก้าวหน้าของสังคมและขององค์กรธุรกิจเอง
ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา แสนสิริได้รับเกียรติเข้าร่วมในเวทีระดับโลกกว่า 8 ครั้ง ได้รับการตอบรับเข้าร่วมเวทีจากผู้แทนสหประชาชาติหลายหน่วยงาน รวมถึงยังได้รับรางวัลในด้าน Corporate Social Responsibility (CSR) จากทั้งระดับประเทศ ระดับภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก สำหรับ องค์กรที่ได้รับเลือกให้เป็น selected partner ของยูนิเซฟในปัจจุบันนี้ ประกอบด้วยองค์กรชั้นนำระดับโลก 20 องค์กร อาทิ หลุยส์ วิตตอง, อิเกีย, ไอเอ็นจี, กุชชี่ และยูนิลีเวอร์ เป็นต้น การได้รับเลือกครั้งนี้ ส่งผลถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิเด็กในระดับสากล
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากเจตนารมณ์ของแสนสิริในการช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืน และได้รับเกียรติเป็นพันธมิตรที่ลงนามกับองค์การยูนิเซฟ ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กต่อเนื่องตลอดในช่วงระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา โดยร่วมกันผลักดันโครงการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครอง ปกป้องสิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กมามากกว่า 14 โครงการ ทั้งด้านการพัฒนาความเป็นอยู่ สร้างความตระหนักด้านสิทธิเด็กและเยาวชนในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นในด้านสุขภาพ การศึกษา การกีฬา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลืออย่างไร้พรมแดนต่อเด็กในประเทศไทยและเด็กทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2553 แสนสิริได้ร่วมมือกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย จัดทำแคมเปญ "IODINE PLEASE เพื่อแก้ปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนในเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้ร่วมมือกับยูนิเซฟและพันธมิตรอื่นๆ สร้างความตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น และผลักดันให้รัฐบาลออกกฎหมายที่บังคับให้เติมไอโอดีนในเกลือบริโภคทุกชนิดเพื่อแก้ปัญหาการขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย
จากการร่วมมือกันครั้งแรกได้นำไปสู่โครงการที่แสนสิริทำร่วมกับยูนิเซฟขึ้นมาอีกถึง 14 โครงการด้วยกัน อาทิ Child Rights, Education For All ,Let's Play Together และ Best Start ซึ่งแสนสิริได้นำมาต่อยอดไปสู่โครงการ "The Good Space" หรือ "พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก" ที่อยู่ภายในสถานก่อสร้างของแสนสิริ จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้เด็กทุกคนในสถานก่อสร้างมีสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย เข้าถึงการศึกษา และการบริการสาธารณะสุขอย่างเท่าเทียม นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 แสนสิริได้นำแนวคิดของพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่พัฒนากับยูนิเซฟมาใช้ในการจัดทำพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก แสนสิริได้ร่วมมือกับองค์กรคู่ค้าของแสนสิริจัดพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 40 แห่งใน 13 จังหวัด จากสถิติของ Kids Home Development Network ในปี พ.ศ.2558 ในแต่ละปีมีเด็กมากกว่า 700 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการ The Good Space และ ในจำนวนนี้ มีเด็ก 50 คนจากโครงการที่ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนวัดเจ็ดยอดที่จังหวัดเชียงใหม่
"นอกเหนือจากการได้รับการคัดเลือกให้เป็น selected partner จากองค์การยูนิเซฟ ในวันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดของแสนสิริ คือ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งพันธมิตรองค์กรคู่ค้า องค์กรอาสาสมัครเอกชนหรือกลุ่ม NGO ที่ได้ร่วมสนับสนุนในการผลักดัน รวมถึงพนักงานทุกคนในองค์กร ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือเด็กโดยมุ่งมั่นให้เรื่องของสิทธิเด็กเกิดขึ้นได้จริง สัญลักษณ์ UNICEF's Selected Partner ที่ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์สากลของยูนิเซฟ ยังเป็นเครื่องตอกย้ำความมุ่งมั่นของแสนสิริในก้าวต่อจากนี้ไป ในการเดินหน้าช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืนไปต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนให้ทุกองค์กรให้ความสำคัญและมีส่วนในการดูแลเด็กผ่านกระบวนการขับเคลื่อนทางธุรกิจ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเด็กและธุรกิจที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน สู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีของสังคม และนำไปสู่นโยบายระดับประเทศในอนาคต" นายอภิชาติ กล่าว