กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 06 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,228.40-1,232.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,340 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,360 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.11 น. ของวันที่ 06/11/61)
แนวโน้มวันที่ 07 พฤศจิกายน 2561
การเลือกตั้งสมาชิกสภาครองเกรสสหรัฐ แบ่งเป็นการเลือกผู้แทนราษฎรสหรัฐทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 คนจากทั้งหมด 100 คน รวมทั้งเลือกผู้ว่าการรัฐ 36 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ เบื้องต้นผลการสำรวจของเอ็นบีซี นิวส์ และ วอลล์สตรีท เจอร์นัลพบว่า พรรคเดโมแครตยังคงมีคะแนนนำพรรครีพับลิกันอยู่ 7% โดยอยู่ที่ 50% ต่อ 43% แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะสามารถลดช่องว่างกับพรรคเดโมแครตลงได้จากที่ก่อนหน้านี้ถูกทิ้งห่างกันถึง 9% แต่ผลสำรวจแสดงให้เห็นโอกาสที่พรรคเดโมแครตอาจได้ควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ และคาดการณ์ว่าพรรคริพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐมีแนวโน้มครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา หากเป็นอย่างผลโพลล์จะเห็นได้ว่า พรรครีพับลิกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สูญเสียคะแนนนิยมและมีอำนาจน้อยลง ซึ่งมองเป็นบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ดีบรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง ขณะที่ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอติดตามผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ โดยคาดว่าน่าจะทราบผลในวันที่ 7 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย แต่ในระยะสั้นราคาทองคำได้รับแรงกดดันจาก รัฐมนตรีคลังยูโรโซนเรียกร้องให้อิตาลีปรับเปลี่ยนร่างแผนงบประมาณปี 2019 ซึ่งกำหนดเส้นตายในสัปดาห์หน้าเพื่อให้สอดคล้องกับกฎของสหภาพยุโรป (EU) โดยเหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนกังวลว่า การกู้ยืมและแผนการใช้จ่ายที่สูงขึ้นจะสร้างความเสี่ยงต่อยูโรโซน แต่อิตาลียังยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแผนร่างงบประมาณขาดดุล ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนร่วงลงมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. และแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีเล็กน้อย สถานการณ์ดังกล่าวยังคงกดดันสกุลเงินยูโรและราคาทองคำ เบื้องต้น ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต้องให้ความสำคัญไปที่ผลการเลือกตั้งสหรัฐ โดยติดตามอย่างใกล้ชิด
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี มีมุมมองว่า อาจต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนในบริเวณ 1,238-1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา หากราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมาประเมินแนวรับที่ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านในระยะสั้นอีกครั้ง แนะนำให้เล่นในกรอบโดยรอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน และไม่ควรถือสถานะจำนวนมาก
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,224 (19,050บาท) 1,211 (18,850บาท) 1,197 (18,650บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,400บาท) 1,254 (19,550บาท) 1,266 (19,750บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,224 (19,200บาท) 1,211 (19,000บาท) 1,197 (18,780บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,510บาท) 1,254 (19,680บาท) 1,266 (19,870บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999