กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
eFounders Felowship เปิดสอบรมเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้ และเป็นกลุ่มที่สองของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กในประเทศกลุ่มเอเชีย ด้วยผู้ประกอบการด้านดิจิทัลกว่า 40 ชีวิต จาก 11 ประเทศจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้า โดยคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 300 ราย โดยคอร์ส eFounders Fellowship นี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) และอาลีบาบาบิซิเนสสคูล นำเสนอคอร์สอบรมสูตรเร่งรัดที่มีระยะเวลา 14 วัน ในการให้โอกาสเข้าถึงประสบการณ์ตรงด้านอีคอมเมิร์ซและนวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศจีนและที่อื่น ๆ ทั่วโลก
ภายใต้ วาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เน้นการไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการเข้าถึงดิจิทัลในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารอาลีบาบากรุ๊ป ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษของอังค์ถัด ในการที่จะสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการด้านดิจิทัล 1,000 คนจากประเทศที่กำลังพัฒนาภายในห้าปี
การอบรมครั้งที่ 4 นี้ ดึงดูดผู้ประกอบการธุรกิจด้านดิจิทัลจากอินโดนีเชีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ปากีสถาน และไทย โดยมีประเทศที่เข้าอบรมเป็นครั้งแรกคือ สิงคโปร์ อินเดีย บังคลาเทศ และเมียนมาร์ ผู้ริเริ่มธุรกิจเหล่านี้เป็นตัวแทนมาจากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ ฟินเทค ท่องเที่ยว และบิ๊กดาต้า ซึ่งล้วนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ และเมื่อจบคอร์สจะเป็น eFounder Fellows เครือข่ายของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะช่วยกันเร่งการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ดิจิทัลของประเทศของตนต่อไป
"โครงการที่เราทำร่วมกันกับอาลีบาบาบิซิเนสสคูลนี้ นับเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จ ครอบคลุมวัตถุประสงค์หลายประการ" Arlett Verploegh ผู้ประสานงานด้านโครงการ the eFounders Fellowship ประจำอังค์ถัด กล่าว "เราสังเกตเห็นว่าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการอบรมโครงการนี้ ล้วนแสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อโลกที่ดีขึ้น ตั้งแต่ก่อตั้ง eFounders Fellowship เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้เข้าร่วมเครือข่ายตระหนักและมุ่งเน้นก็คือการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาพื้นที่ชนบทรวม และหาหนทางที่จะรวมกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงงาน"
eFounders Fellowship ได้จัดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ประเดิมด้วยโครงการนำร่องที่มีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กจากแอฟริกาเข้าร่วม 24 ราย ตามด้วยคลาสที่สองที่มีตัวแทนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ 37 ราย และคลาสที่สามที่กลับไปที่ทวีปแอฟริกาที่มีผู้ก่อตั้งธุรกิจจากทวีปนี้ 29 รายเข้าร่วมในโปรแกรม
"เรามีความยินดีที่ได้สานต่อวิสัยทัศน์ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการด้านดิจิทัลที่โดดเด่นจากทั่วโลก และมีผู้มีความสามารถจากประเทศที่เข้ามาร่วมเพิ่มเติมจากประเทศในแถบเอเชีย eFounders Fellowship จะค่อย ๆ เติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนกลุ่มที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ เราเริ่มได้เห็นผลลัพธ์ในทางบวกที่ชุมชนที่เปี่ยมศักยภาพเหล่านี้สร้างขึ้นในประเทศของเขา" นายไบรอัน เอ หว่อง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาลีบาบา กรุ๊ป ผู้เป็นหัวหน้าด้านโครงการระดับโลกกล่าว
"เรามุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กรุ่นใหม่จากภูมิภาคเหล่านี้ ในการที่เขาจะกลายเป็นผู้นำในการสร้างรูปแบบการพัฒนาด้านดิจิทัลที่เข้าถึงคนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งดีทั้งต่อธุรกิจของพวกเขา และในขณะเดียวกันก็ช่วยขยายกระบวนทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศนั้น ๆ ส่งผลดีให้กับสังคมโดยรวม" นายหว่องกล่าว
ที่ปรึกษาจาก 5 ประเทศในเอเชียจะรับหน้าที่ดูแลและสนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อกลุ่มผู้ประกอบการดาวรุ่งชาวเอเชียกลุ่มนี้แม้หลังจบการอบรมแล้ว การมีทีมที่ปรึกษาให้นี้นับเป็นส่วนหนึ่งของคอร์ส
eFounders Fellowship สะท้อนพันธกิจของอาลีบาบาที่จะช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กให้ขยายความสำเร็จออกไปยังตลาดนอกเหนือจากประเทศบ้านเกิด คอร์สนี้ได้ริเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2560 โดยแจ็ค หม่าในฐานะที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาธุรกิจโดยคนรุ่นใหม่และการบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็กประจำอังค์ถัด เมื่อครั้งที่เขา และ ดร. มูคิสะ คิทูยิ เลขาธิการอังค์ถัด เยือนแอฟริกา
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ eFounders Fellowship สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ https://agi.alibaba.com/efounders-fellowship และ http://unctad.org/en/pages/newsdetails.aspx?OriginalVersionID=1615
เกี่ยวกับอังค์ถัด
The eFounders Fellowship เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือด้านสมาร์ท พาร์ตเนอร์ชิพ ที่อังค์ถัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
เกี่ยวกับอาลีบาบา กรุ๊ป
พันธกิจของอาลีบาบา กรุ๊ป คือการทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบายจากทุกหนแห่งทั่วโลก เรามีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไป 102 ปี สำหรับปีงบประมาณที่แล้ว สิ้นสุดงวดที่เดือนมีนาคม 2561 บริษัทฯ รายงานรายได้รวม 39,900 ล้านเหรียญสหรัฐ