กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 07 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,222.70-1,232.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,300 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,380 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.46 น. ของวันที่ 07/11/61)
แนวโน้มวันที่ 08 พฤศจิกายน 2561
ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเป็นสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับวาระทางเศรษฐกิจและการเมืองในวงกว้างของสหรัฐ เบื้องต้น ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าผลการเลือกตั้งกลางเทอมอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า พรรครีพับลิกัน สามารถคว้าชัยชนะด้วยการกวาดคะแนนเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ส่วนพรรคเดโมแครต สามารถกวาดคะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการที่สภาคองเกรสที่ประกอบด้วยทั้ง 2 พรรค อาจส่งผลลบต่อดอลลาร์ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะเกิดความขัดแย้งทางนิติบัญญัติ ที่จะทำให้เป็นการยากขึ้นในการผ่านนโยบายต่างๆเพื่อเอื้อต่อเศรษฐกิจภายในประเทศสหรัฐ อาทิ การลดภาษีชนชั้นกลางของปธน.ทรัมป์ รวมทั้งเป็นการเปิดทางให้คณะบริหารของปธน.ทรัมป์เผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ นอกจากนี้สมาคมทองคำของจีนระบุว่า ผลผลิตทองคำของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2561 ร่วง 7.46% จากปีก่อนหน้าสู่ 289.75 ตัน การอุปโภคทองคำในจีนปรับขึ้น 5.08% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี สู่ 849.7 ตัน โดยจีนเป็นผู้ผลิตและผู้อุปโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก และสภาทองคำโลก( WGC) เปิดเผยว่า กองทุน ETF ทองคำระบุถึงการไหลเข้าที่เพิ่มขึ้นสู่กองทุนทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรปในช่วงเดือนต.ค. ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามราคาทองคำขยับขึ้นไม่มากนัก เพราะผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาดการณ์ของสื่อต่างๆของสหรัฐ ประกอบกับนักลงทุนประเมินว่าดอลลาร์สหรัฐจะได้แรงหนุนจากผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ประจำวันที่ 7-8 พ.ย.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะยืนยันอีกครั้งถึงความตั้งใจในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหนือ 3% ในปีหน้า แนะนำนักลงทุนรอผลการประชุมของเฟดในคืนวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางของการตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน ในระยะสั้นหากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น ขณะที่แนวรับประเมินว่าอยู่ในบริเวณโซน 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำให้รอการตั้งฐานของราคาทองคำ แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำให้รอจังหวะซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,224-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านได้ให้รอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากราคาอาจเหวี่ยงตัวจะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนมากเกินไปหรือไม่มีแผนในการลงทุนที่ชัดเจนจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,224 (19,000บาท) 1,211 (18,800บาท) 1,197 (18,550บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,300บาท) 1,254 (19,450บาท) 1,266 (19,650บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,224 (19,180บาท) 1,211 (18,970บาท) 1,197 (18,760บาท)
แนวต้าน 1,243 (19,480บาท) 1,254 (19,650บาท) 1,266 (19,840บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999