กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS) แถลงแผนธุรกิจในปี 2551 ว่าบริษัทฯ กำหนดเป้าหมายยอดขาย 20,000 ล้านบาท และรายได้รวม 14,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย คือการขยาย Business Platform ปรับโครงสร้างการบริหารงาน ขยายหน่วยธุรกิจ (Strategic Business Unit: SBU) ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกกลุ่ม การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา (Customer Centric) รวมถึงปรับปรุงกระบวนการบริหารและการดำเนินงานในทุกหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับเป้าหมายแผนการเติบโตของบริษัทฯ และแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้รวม 40 โครงการ
“เป้ายอดขาย 20,000 ล้านบาทในปีนี้นั้น เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ทำได้ 13,646 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 47 % โดยสัดส่วนยอดขายเป็น ทาวน์เฮาส์ 43% บ้านเดี่ยว 31% และคอนโดมิเนียม 26% สำหรับรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 55% จากปี 2550 ที่มีรายได้จากการโอน 9,054 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้ รายได้หลักยังคงมาจากทาวน์เฮาส์ 53% รองลงมาคือบ้านเดี่ยว 40% และ 8% จากคอนโดมิเนียมที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้”
ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้รวม 40 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่เปิดโครงการใหม่รวม 28 โครงการ ในปีนี้โครงการของ PS จะกระจายทำเลมากขึ้นทั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล โดยยังคงเน้นทำเลที่มีศักยภาพ และที่สำคัญคือบ้านทุกหลังต้องคุ้มราคาด้วยคุณภาพ มีรูปแบบบ้าน ฟังก์ชั่นการใช้สอย สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยโครงการใหม่ในปีนี้ประกอบด้วยทาวน์เฮาส์ จำนวน 21 โครงการ บ้านเดี่ยว 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ขณะนี้จัดซื้อที่ดินไว้เรียบร้อยแล้ว 14 โครงการ ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากนี้ในปี 2551 นี้บริษัทฯ กำหนดให้เป็น “ปีแห่งการเพิ่มคุณภาพ เพิ่มคุณค่า เพื่อลูกค้า PS หรือ Year of PS Customer Value” ทั้งนี้เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านการบริการให้ดียิ่งขึ้น โดยกำหนดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงาน PS ทุกคน ต้องมีจิตสำนึกในการให้บริการ ให้ความสำคัญและใส่ใจในการบริการกับลูกค้า เพื่อเพิ่มคุณค่าสินค้าและบริการของเราให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นายทองมา กล่าวเสริม