กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
ด้วยเป้าหมายที่ท้าทายในการก้าวเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานยั่งยืนของเอเชีย ประเทศไทยคาดหวังว่างานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมด้านพลังงานเพื่ออนาคตแห่งเอเชีย หรือ Future Energy Asia Exhibition & Conference (FEA) 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคมนี้ จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงาน 4.0 และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ value-based economy หรือ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม"
FEA 2018 จัดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพลังงานของไทย เพื่อเป็นเวทีพบปะและแลกเปลี่ยนของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในแวดวงพลังงานทั้ง energy value chain จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งรวมถึงผู้นำจากภาครัฐ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานครบวงจร ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสะอาด ผู้ประกอบการ และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ซึ่งพร้อมจะรวมพลังเพื่อกำหนดกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียและตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในอนาคต
ในครั้งนี้คาดว่าจะมีตัวแทนภาคธุรกิจเข้าร่วมงานกว่า 8,000 คน ตลอดจน ผู้เข้าร่วมงานประชุมกว่า 1,000 ราย ผู้เชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์และด้านเทคนิคร่วมบรรยายกว่า 300 คน และบริษัทชั้นนำที่จะนำสินค้าและนวัตกรรมมาร่วมแสดงอีกกว่า 200 บริษัท โดยงานครั้งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดการหารือจากผู้บริหารระดับสูง สร้างความร่วมมือใหม่ๆ สร้างโอกาสทางธุรกิจ และร่วมกันหาข้อสรุปในการส่งเสริมให้เกิดทางเลือกด้านพลังงานแบบผสมผสานจากทั่วเอเชียที่มีความปลอดภัย คาร์บอนต่ำ และราคาที่ไม่สูงมากนัก
งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future Energy Mix to 2030 โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทนระดับรัฐมนตรีของรัฐบาลประเทศต่างๆ และผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจ มาร่วมพูดคุย ถกเถียง และกำหนดทิศทางและแนวโน้มในอนาคตสำหรับเชื้อเพลิงแบบผสมผสานและเทคโนโลยีต่างๆ ที่จำเป็น โดยมุ่งความสนใจไปที่น้ำมันและก๊าซ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพ และรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (lower-carbon economy)
คณะกรรมการจัดงาน Future Energy Asia ประกอบด้วยผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานที่มาร่วมหารือเพื่อสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุม Future Energy Asia ประเด็นสำคัญในการอภิปราย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานสู่ยุคดิจิตอล ปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการพลังงานในอนาคต การพัฒนาโครงการก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย และผู้ผลิต LNG ที่กำลังเติบโตและเป็นที่รู้จักจากทั่วโลก
"จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นและแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีจำกัด คาดว่าปริมาณการนำเข้า LNG จะเพิ่มขึ้นเป็น 34.4 ล้านตันในปี 2579 กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติให้เอื้อต่อการเข้าถึงของผู้ประกอบการเพื่อลดปริมาณการนำเข้า LNG และให้เกิดการลงทุนในประเทศ เรากำลังศึกษาตัวเลือกต่างๆ ในแผนการเปิดเสรีเพื่อหาผู้เล่นรายใหม่ๆ มาลงทุนในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติของประเทศ ทั้งส่วนที่จะเป็นผู้ส่งออกรายใหม่ และกำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจและโอกาสใหม่ๆ ด้วย" ดร. ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมจัดงาน FEA 2018
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "ประเทศไทยพยายามอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนนโยบายพลังงาน 4.0 ซึ่งเน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนและการพัฒนาพลังงานเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและพลังงานทดแทนที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ทั้งสามวันของการจัดงานครั้งนี้จะเป็นเวทีที่เหมาะสำหรับบรรดา บริษัทน้ำมันแห่งชาติ (NOCs) และ บริษัทน้ำมันข้ามชาติ (IOCs) ตลอดจนบริษัทด้านสาธารณูปโภคระดับชาติ และ ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสสระ (IPP) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสะอาด ผู้รับเหมาด้านวิศวกรรม และผู้จัดหาเงินทุน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านของประเทศจากผู้จัดหาเชื้อเพลิงแบบเดิมๆ ไปเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในการส่งเสริมโครงการด้านพลังงานใหม่ๆ ดึงดูดการลงทุนในภาคพลังงาน และการเป็นศูนย์กลางการสื่อสารกับนักลงทุนต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างโอกาสการลงทุน"
นอกจากนี้ งาน FEA 2018 จะจัดการประชุมยุทธศาสตร์ (Strategic Conference) เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งถือเป็นเวทีแรกของเอเชีย ซึ่งเป็นเวทีพบปะและแลกเปลี่ยนของผู้ที่มีอิทธิพล ความรู้ และประสบการณ์มากที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และพลังงาน เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ทำธุรกิจ และริเริ่มประเด็นการหารือ อันจะส่งผลต่อการตัดสินใจและกำหนดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงาน
ในส่วนของนิทรรศการจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า Centers of Technical Excellence (COTES) ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานประชุมด้านเทคนิคนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อการประชุมกว่า 45 หัวข้อตลอดช่วง 3 วันของการจัดงาน และจะผลักดันให้มีการอภิปรายอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับนวัตกรรมทางด้านเทคนิค ซึ่งจะมีบรรดาวิศวกร ช่างเทคนิค ผู้รับเหมา และหัวหน้าแผนก มาร่วมจำนวนมาก โดยทั้งหมดพร้อมจะเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดที่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการแสวงหาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ จาก บริษัทที่เข้าร่วมแสดงงานอีกด้วย
เจ้าภาพร่วมจัดงาน Future Energy Asia 2018 ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมหรือลงทะเบียน กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ที่ www.futureenergyasia.com หรือติดต่อ info@futureenergyasia.com