กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
บมจ.แอ็พพลาย ดีบี หรือ ADB ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ โชว์ผลกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกที่ผ่านมา 23.73 ล้านบาท พุ่งขึ้น 122.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นและราคาวัตถุดิบปรับลดลง ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีไม่ต่ำกว่า 12% หลังราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาแนวเริ่มปรับลดลงในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเปิดโรงงานใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปูเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลมีกำลังการผลิตสินค้ายาแนว 500 ตันต่อเดือนเพื่อรองรับการขยายตลาดในไทยและต่างประเทศ
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ อาทิ ADB DB SPARKO และรับจ้างผลิต (OEM) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. – ก.ย.2561) มีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 23.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 122.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.68 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,088.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,053.41 ล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน สะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าเม็ดพลาสติกคอมปาวด์มีความผันผวนลดลง ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 (ก.ค. – ก.ย. 2561) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7.30 ล้านบาท แม้ว่าตัวเลขกำไรดังกล่าวชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.44 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบในกลุ่มยาแนวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังสามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 369.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 360.08 ล้านบาท เนื่องจากได้รุกขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารักษาภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 12% โดยผลการดำเนินงานในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมาย ขณะที่สถานการณ์ราคาวัตถุดิบกลุ่มยาแนวเริ่มปรับลดลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่ราคาจะทรงตัวหรือปรับลดลงอีกจนถึงสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2562 เนื่องจากโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนได้เพิ่มปริมาณการผลิตสินค้า ประกอบกับภาวะราคาน้ำมันในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวลดลง ดังนั้นก็น่าจะส่งผลดีต่อการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดโรงงานใหม่ (โรงงานที่ 4) ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู แฟคตอรี่ แลนด์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อใช้ผลิตสินค้ากลุ่มกาวและยาแนว โดยเครื่องจักรเฟสแรกที่ติดตั้งแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย จะเริ่มผลิตสินค้าประเภทซิลิโคนยาแนวสำเร็จรูป (Silicone sealant compound) ทดแทนการสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่าย โดยจะผลิตภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และรับจ้างผลิตให้แก่ลูกค้า (OEM) มีกำลังการผลิตติดตั้ง 500 ตันต่อเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่สั่งซื้อในปริมาณมาก นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุนขยายการติดตั้งเครื่องจักรเฟส 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งอีก 500 ตันต่อปีภายในปีหน้า