กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--จีดับบลิว มีเดีย เอเจนซี่
กรุงเทพมหานคร ขึ้นชื่อว่าครองแชมป์อันดับ 1 รถติดมากที่สุดในเอเชียและระดับโลกโดยผลสำรวจจาก INRIX Global Traffic Scorecard พบว่าในปี 2560 แต่ละวันประเทศไทยมีการจราจรที่ติดขัดมากที่สุดในโลกโดยผู้ใช้ถนนจะเสียเวลากับรถติดในแต่ละปีถึง 64 ชั่วโมง
ล่าสุด สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้สรุปภาวะราคาและปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศพบว่าในปีนี้คนไทยใช้น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้นในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.) เมื่อเทียบกับทั้งปี 2560 โดยมีการใช้น้ำมันเบนซิน เฉลี่ย 30.87 ล้านลิตรต่อวันเพิ่มขึ้น 3.2% และน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 65.80 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.7% อีกทั้งกรมการขนส่งทางบกยังบอกว่าทั่วประเทศมีรถจดทะเบียนสะสม (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561) เกือบ 39 ล้านคันแล้ว
คนที่มีรถยนต์ขับและใช้งานอยู่เป็นประจำแน่นอนว่าค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะถูกๆ ดังนั้นการรณรงค์ประหยัดพลังงานจึงมีความสำคัญ สนพ. จึงได้จัดทำคลิปรณรงค์ในชื่อชุด "วัฒนธรรมหาร 2" …โอ ฮะ โอ ฮะ โอ่ ฮะ โอ… ซึ่งเป็นการนำทำนองเพลงพื้นบ้านมาประยุกต์เป็นเพลงใหม่พร้อมเสนอ 5 แนวทางการประหยัดน้ำมันไปใช้ต่อยอดให้เกิดผล โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันทำให้เรื่องการประหยัดน้ำมันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น โดยมี 5 ไอเดียดีทำง่ายๆ ได้แก่ ใช้รถร่วมกัน (Carpool), ใช้บริการส่งของให้กันและกัน (Delivery), ใช้เทคโนโลยีสื่อสารกัน (VDO Conference),ใช้จักรยานร่วมกัน (Bike Sharing) และใช้ที่ทำงานร่วมกัน (Co -working) เพียงคนไทยหันมาใส่ใจคนรอบข้างแบ่งปันพลังงานใช้ร่วมกัน ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมหาร 2 โดย 5 วิธี ประหยัดน้ำมันประกอบด้วย 1. ใช้รถร่วมกัน Carpool รูปแบบการเดินทางด้วยแนวคิดทางเดียวกันไปด้วยกัน หรือ 1 คัน 4 คน ก็จะสามารถแชร์ค่าเดินทาง และลดใช้น้ำมันได้ 2. ใช้บริการส่งของให้กันและกันDelivery ไม่ว่าจะเป็นการส่งสิ่งของ เอกสาร หรือสั่งอาหาร เป็นเรื่องที่คนไทยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเพราะมีการใช้บริการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลามากกว่า 3. ใช้เทคโนโลยีสื่อสารกัน VDO Conference เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการช่วยลดการใช้น้ำมันได้ โดยการประชุมทางไกลผ่านระบบออนไลน์จะช่วยทุ่นเวลาในการทำงาน ไม่ต้องเสียเวลาออกเดินทางไปประชุมตามที่ต่างๆ แล้วขับกลับมาออฟฟิศอีกเป็นการช่วยลดจำนวนผู้ใช้รถบนถนนและยังช่วยคืนพื้นที่บนถนนทำให้ลดปัญหาจราจรได้อีกด้วย 4. ใช้จักรยานแบบ Bike Sharing หรือบริการให้เช่าจักรยานสาธารณะ สามารถช่วยแก้ปัญหาการเดินทางระยะสั้นในตัวเมืองดีต่อสิ่งแวดล้อมลดปัญหาการจราจรติดขัด และช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนเมืองไปพร้อมๆ กันหากเราหันมาใช้จักรยานสาธารณะแทนการขับรถยนต์ในเขตเมืองชั้นในก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 0.5 ลิตร/วัน ต่อคน เลยทีเดียว
และ 5. ใช้ที่ทำงานร่วมกัน Co-working Space ไอเดียการแชร์สถานที่ทำงานที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายประเทศและประเทศไทยมีบริการมากกว่า 100 แห่ง ตกแต่งสวยงามมีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัว ทันสมัย และบรรยากาศดีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและที่สำคัญมักตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางใกล้แหล่งที่พักอาศัยคนที่ใช้บริการจึงไม่จำเป็นต้องขับรถมาทำงานสามารถเลือกใช้บริการ BTS หรือ MRT ทั้งนี้ Co-Working Space จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยประหยัดน้ำมันเพียงหากเปลี่ยนจากการมีสำนักงานส่วนตัวมาเป็นการใช้สำนักงานแบบ Co–Working นอกจากเดินทางสะดวกแล้วยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 50% เลยทีเดียว
แนวทางการประหยัดน้ำมันที่โครงการฯ นำเสนอเป็นแนวทางในการจุดประกายความคิด สะกิดความสร้างสรรค์ เชื่อว่าขอเพียงคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการประหยัดน้ำมัน อย่ามองแค่ว่าเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว แต่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ หากแต่ละคนลองปรับแนวทางการบริโภคจากการใช้คนเดียว เป็น 'ใช้ร่วมกัน' ได้ประโยชน์ร่วมกัน ร่วมกันสร้างจิตสานึกที่ดี ท้ายที่สุดแล้วประเทศไทยก็จะสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมันได้จากความร่วมมือของคนทั้งชาติและในตอนนี้ประเทศไทยก็ต้องการความช่วยเหลือจากทุกคน ซึ่งคุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยชาติได้โดยร่วมกับ "โครงการรวมพลังหาร 2"