กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--แจ่ม คอสเมติกส์
หลายคนลงมติให้ลิปสติกเป็นไอเท็มติดกระเป๋าที่สาวๆ ขาดและพลาดไม่ได้ แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจพบว่าส่วนใหญ่ไม่เน้นผลิตหรือนำเข้าให้เหมาะกับสีผิวของคนไทยเป็นหลัก จึงไม่ตอบโจทย์ความต้องการและปัญหาแท้จริง นั่นทำให้ แก้ม - นันทิยา ปณชัยธนโชติ มุ่งคิดค้นและผลิตลิควิดลิปสติกเนื้อแมตต์ ที่บ่งบอกอัตลักษณ์ไทยอย่างตรงไปตรงมา แบรนด์ "แจ่ม" (JAM) ซึ่งปัจจุบันมีมากถึง 23 โทนสีเอาใจสาวไทยทุกสีผิว หลากหลายอารมณ์ ใส่ชื่อเรียกสีไทยโทนสุดเก๋ อย่าง เม็ดมะปราง ก้ามปูอสุรา หงเสน สื่อสารคุณสมบัติเด่นที่ความเบาสบาย ไม่หนักปาก ไม่ตกร่อง ติดทน กันน้ำ เพิ่มบำรุงริมฝีปาก ไร้สารเคมีอันตราย พร้อมส่งสินค้าคู่ขวัญ แจ่มหมดจด 2 สูตร ทั้งรีมูฟเวอร์เพียงเขย่า หยด เช็ด เครื่องสำอางที่ว่าแน่ ก็แพ้ให้แจ่มหมดจดและไมเซล่าคลีนซิ่งเจล เจลละลายเครื่องสำอางที่เติมคอลลาเจนให้ผิว ให้มากกว่าการทำความสะอาดแต่ยังบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่ม น่าสัมผัสตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
ที่มาของแบรนด์แจ่ม (JAM) เริ่มจากความใฝ่รู้ของ แก้ม - นันทิยา ปณชัยธนโชติ ที่เรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์เกี่ยวกับครีมบำรุงผิวจากรุ่นพี่และเจอปัญหาลิปสติกที่เพื่อนใช้ และเกิดความคิดที่จะแก้ปัญหาจึงได้ปรึกษากับเพื่อนที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและมีโรงงานผลิตลิปสติก จึงร่วมกันสร้างสรรค์ลิปสติกที่แก้ปัญหาหนักใจให้สาวๆ ด้วยคุณสมบัติทาแล้วติดทน ไม่เลอะเสื้อ หลังจากใช้เวลาพัฒนาสูตรนานกว่า 3 เดือน และอีกหลายเดือนต่อมาในการเลือกเฉดสี จนได้ลิควิดลิปสติกเนื้อซาตินแมตต์ ที่ทาแล้วเนียนนุ่มราวกับกำมะหยี่ ไม่หนักปาก ไม่หลุดลอกอย่างลิปเนื้อแมตต์ทั่วไป ร่วมกับการคิดคอนเซ็ปต์แบรนด์สินค้า จนมาลงตัวที่คำว่า "แจ่ม" ซึ่งข้อดีของชื่อไทยนั้นฟังแล้วติดหู ทำให้นึกภาพสีลิปสติกที่มาพร้อมคำว่า "สีนี้แจ่ม" ในทันที ทั้งยังช่วยบ่งบอกอัตลักษณ์ของลิปสติกแบรนด์ไทยอย่างตรงไปตรงมา เมื่อคนใกล้ชิดใช้แล้วชอบจึงเริ่มทดลองทำตลาดออนไลน์ขายผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท แจ่มดีจริงจริง จำกัด จนได้รับการยอมรับจากบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามนับแสนนับล้านคน รวมทั้งการใช้จริงของผู้บริโภคจนต้องบอกต่อๆ กัน กลายเป็นแบรนด์ติดตลาดและซื้อซ้ำในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี หลังจากเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี 2560
เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ผู้ใช้จริงติดใจและรู้จักต่อๆ กันอย่างแพร่หลาย ต้องยกความดีให้ "ตัวผลิตภัณฑ์" เป็นฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง เนื่องจากสีและคุณภาพของลิปสติกเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์ แต่ขายในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงกับโปรโมชั่นรับลมหนาว จากราคา 590 บาท เหลือเพียงแท่งละ 249 บาทเท่านั้น พร้อมสอดแทรกความโดดเด่นในการรังสรรค์ลิปสติกเนื้อแมตต์ซาตินที่มีความเบาสบายแต่ติดทน ทาแล้วเรียบเนียนไม่ตกร่องให้ขุ่นเคืองใจ ทาเพียงครั้งเดียวก็ให้สีที่แจ่มชัดแล้ว ทั้งยังใส่ใจเรื่องความปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน แอลกอฮอล์และไม่ใส่น้ำหอม แต่เพิ่มเติมวิตามินอี และไขผึ้งเพื่อบำรุงริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื้น นอกจากนั้นเสน่ห์ของ "แจ่ม" ยังอยู่ที่การเนรมิตเฉดสีทั้ง 23 สีที่แต่ละเฉดสีคิดค้นให้เข้ากับสีผิวของคนไทย สื่ออารมณ์และรสนิยมของคนไทยโดยเฉพาะ พร้อมฉีกกฎเกณฑ์การตั้งชื่อเรียกสีด้วยไทยโทนหรือชื่อเรียกสีสมัยโบราณ ประกอบด้วย บานเย็น เม็ดมะปราง ฟ้า มะเหมี่ยว ก้ามปูอสุรา ทับทิมสยาม ลิ้นจี่ เกสรชมพู่ บัวหลวง บัวชมพู บัวสวรรค์ บัวบาน นาก ดินเผา หงเสน ดิน หมากสุก หมากแดง เสน ดินแดงเทศ น้ำตาล น้ำตาลไหม้ และราชาวดี ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถนึกภาพของสีนั้นได้เข้าใจง่ายขึ้น และยังสื่อถึงเอกลักษณ์แบรนด์สินค้าของไทยผ่านลิปสติกได้อีกทางหนึ่งด้วย
ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์อย่างลิปสติกเท่านั้น แจ่มดีจริงจริง ยังภูมิใจนำเสนอ ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า(Remover) และเจลละลายเครื่องสำอาง(Cleansing Gel) โดยสูตรแรก แจ่มหมดจด ๑ รีมูฟเวอร์ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติสุดว้าว เพราะมีค่า pH7.4 ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำตาเทียม อ่อนโยนต่อผิวหน้า ปาก และดวงตา แต่ก็เช็ดทำความสะอาดได้อย่างหมดจดแม้เป็นเครื่องสำอางชนิดติดทนและกันน้ำ (Waterproof Makeup) เครื่องสำอางที่ว่าแน่นก็ต้องแพ้ให้กับแจ่มหมดจด นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากเมล็ดโกโก้และลาเวนเดอร์ ที่จะช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าของคุณสาวๆ ได้อีกด้วย สนนราคาเพียง 169 บาท ส่วน แจ่มหมดจด ๒ ไมเซล่าคลีนซิ่งเจล นั้น ให้ความแตกต่างที่เนื้อสัมผัสเจล เป็นเจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสาร Micellar อนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปละลายเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมหลักในกลุ่มซิลิโคน ซึ่งมักจะอุดตันในรูขุมขน โดยทำหน้าที่ดึงสิ่งสกปรกออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังมีส่วนประกอบของคอลลาเจน สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้ผิว และไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการระคายเคือง โดยสามารถเป็นเจ้าของได้เพียง 149 บาทเท่านั้น
ผู้บริหารแบรนด์แจ่ม เผยต่อว่า เมื่อตัดสินใจเดินหน้าทำธุรกิจความงามอย่างจริงจังแล้ว ทำให้เธอมุ่งไปที่การลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวด เพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ซุกซ่อนอยู่ในอนาคต พร้อมกับการพัฒนาด้านการตลาดเพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าทุกช่องทาง ซึ่งปัจจุบันนอกจากผู้สนใจจะติดต่อสั่งซื้อสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศแล้ว ยังขยายการรับรู้ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/jamcosmeticsofficial/ รวมทั้งเว็บไซต์ www.jamthailand.com และที่ EVEANDBOY ทั้ง 12 สาขาอีกด้วย
นอกจากผู้ใช้จะได้ครอบครองความสวยสะพรั่ง "แจ่ม" สมดั่งใจแล้ว ยังช่วยยืนยันให้โลกรู้ว่า เครื่องสำอางที่ผลิตและครีเอทโดยคนไทยก็สามารถเนรมิตความงามสมบูรณ์แบบได้เช่นกัน