กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--ธามดี พลัส
บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) โชว์งบไตรมาส 9 เดือนรายได้รวม 6,575.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.33% ขณะที่กำไรสุทธิ 288.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น3,483.11 % จากราคาวัตถุดิบที่ลดลงและดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้ยืมประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน และเงินกู้ระยะยาวลดลง ด้านรายได้รวมปี 2562 หลังจากมีการปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) คาดว่าโตไม่ต่ำกว่า 10% ตามเป้าที่วางไว้
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราธรรมชาติแปรรูป เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 ว่าบริษัทฯมีรายได้รวม 2,613.96 ล้านบาท โดยช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 2,730.26 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 121.45 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 655.84 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.07 ล้านบาทส่วนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2561 ของบริษัทฯมีรายได้ 6,575.09 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,363.23ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 288.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,483.11 %
สำหรับสาเหตุที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น และจากราคาซื้อวัตถุดิบของบริษัทลดลงตามราคาตลาดที่ลดลงในช่วงต้นปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2560 โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ลดลงในสัดส่วนที่มากกว่าราคาขายที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด นอกจากนี้ บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนทางการเงินต่อรายได้รวมลดลง เนื่องจากบริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้ยืมประเภทตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลดลง บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนจากสภาพคล่องมากขึ้น ทำให้บริษัทมีความต้องการใช้แหล่งเงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวเพื่อมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทน้อยลง ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงมั่นใจว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตของรายได้รวมไม่ต่ำกว่าปี 2560 ที่มีรายได้ 9,819.70 ล้านบาท สำหรับเป้าการเติบโตของรายได้รวมในปี 2562 คาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากในปี 2562 บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ซึ่งจะทำให้สามารถมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60,000 ตันต่อปี และแผนสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี2563 เมื่อรวมทั้งการขยายกำลังการผลิตยางทั้ง 2 ชนิดแล้วจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตยางพาราแปรรูป รวมทั้งโรงงานจาก 232,800 ตันต่อปี เป็น 465,000ตันต่อปี คาดว่าบริษัทจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน