กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เผยผลการดำเนินงาน งวดไตรมาส 3/2561 มีรายได้รวม 157.37 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 102.72 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 77.64 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 72.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.71 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 27.07 ล้านบาท พร้อมระบุ ภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้าน CEO " ศุภมาส อิศรภักดี " ส่งซิกข่าวดี จ่อปิดดีล เทคโอเวอร์ ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงาม เบื้องต้นคาดว่าไม่เกินภายในสิ้นปีนี้ เชื่อหากดีลสำเร็จ จะส่งผลให้ DOD ขึ้นแท่น ผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ แบบครบวงจร
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ ในรูปแบบการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ที่ให้บริการครบวงจร (One Stop Service) ซึ่งได้รับมาตรฐานระดับสากล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 157.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.72 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 77.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 72.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น168.71 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 27.07 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 63.46 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 59.09 % หรือ4.38 %
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2561บริษัทฯ มีรายได้รวม 605.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น106.80 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 292.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 296.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 115.12 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 63.04 % เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 59.46 % หรือ เพิ่มขึ้น 3.58 %
สำหรับสาเหตุที่บริษัทฯมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นผลต่อเนื่องจากกรณีที่บริษัทฯย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ ไปที่นิคมอุตสาหกรรม อยู่เจริญ-ท่าจีน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 7 ไร่ ทำให้มีกำลังการผลิตในการรองรับออเดอร์ จากลูกค้าขนาดใหญ่ เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่กว่า 1,600,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดออเดอร์ เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าหลายราย มีการย้ายฐานผลิตจากที่เดิม มาผลิตและออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆกับทางบริษัทฯ
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า บริษัทฯยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นจากกำไรสุทธิ ตั้งแต่งวดไตรมาส 1/2561 ที่มีกำไรสุทธิ 111.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก YoY ที่ 33.52 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก YoY ที่ 54.54 ล้านบาท และไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 72.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก YOY ที่มีกำไรสุทธิ 27.07 ล้านบาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กำไรสุทธิงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีความสามารถ ในการทำกำไรสุทธิที่ 296.06 ล้านบาท ซึ่งก็สูงกว่าปี 2560 ทั้งปีแล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท และจากปัจจัยดังกล่าว จึงเป็นเครื่องตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพ และความแข็งแกร่งทางสถานะทางการเงิน รวมถึงการเติบโตด้านผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่บริษัทฯมั่นใจว่า DOD เติบโตแบบก้าวกระโดด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บริษัทฯได้มีการเข้าไปศึกษา เพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จภาย ในเดือนธันวาคม 2561นี้
โดยสาเหตุที่บริษัทฯมีแผนข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว เพราะเล็งเห็นว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจและเสริมทัพธุรกิจ ให้บริษัทฯมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากบริษัททั้ง 2 แห่ง มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใกล้เคียงกัน ดังนั้นเชื่อว่า การเข้าไปลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพDOD ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ ด้านความงามและสุขภาพ ได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งยังสามารถขยายฐานลูกค้าให้กับDOD ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังเพิ่มสัดส่วนรายได้ ให้กับบริษัทฯในอนาคตอันใกล้ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม นอกจากบริษัทฯจะเป็นผู้ผลิตแล้ว บริษัทฯยังมีช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อขยายตลาดแบรนด์สินค้าของลูกค้า ไปยังประเทศจีนอีกด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา DOD ได้รับเลือก เป็นผู้ประกอบการไทย เพียงรายเดียว ที่ร่วมลงนามเซ็น MOU กับ CNR MALLและสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร - วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย – ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางการจำหน่าย TV shopping ของ CNR MALL ช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV ซึ่งปัจจัยดังกล่าว เป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นถึงการก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ แบบครบ
" สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯในช่วงโค้งสุดท้าย มองว่า ยังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมส่งมอบออเดอร์ผลิตภัณฑ์ ให้กับลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบใหม่ๆที่เตรียมออก ในช่วงไตรมาส 4/2561นี้ นอกจากนี้ยังมีดีล ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ "