LPN ก้าวสู่ปีที่ 19 ปรับองค์กรรองรับการเติบโตพร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกส่วนงาน

ข่าวอสังหา Monday January 7, 2008 16:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 ม.ค.--แอล.พี.เอ็น.
ลุมพินี ทาวเวอร์ : LPN ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ปรับองค์กรครั้งใหญ่ทั้งบริษัทแม่และบริษัทในเครือ รับการเติบโตของ L.P.N. Development Group ในทุกส่วนงาน โดยเฉพาะงานบริหารชุมชน คาดอีกห้าปีมีลูกค้าเพิ่มเป็น 1 แสนครอบครัว เตรียมกลยุทธ์เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านการบริหารชุมชน ควบคู่ไปกับนโยบาย “ชุมชนน่าอยู่”
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยถึงเหตุผลของการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของ L.P.N. Development Group ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในทุกส่วนงาน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์การแข่งขัน ความต้องการของลูกค้า หรือต้นทุนการพัฒนาโครงการที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น โดยสิ่งที่เป็นหัวใจของความสำเร็จ คือการให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกขั้นตอน (Customer Focus) โดยเฉพาะการบริการหลังการขายหรือการบริหารชุมชน ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างจากคู่แข่งขัน โดยการโฟกัสบทบาทของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในการบริหารจัดการชุมชนโดยเน้นการบริหารจัดการคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายใต้นโยบาย “ชุมชนน่าอยู่” และเพิ่มศักยภาพของบริษัท พรสันติ จำกัด ในฐานะผู้พัฒนาโครงการในลักษณะที่ไม่ใช่คอนโด (Non-Condo) ซึ่งจะเติบโตควบคู่ไปกับ LPN พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ บริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อบริหารจัดการในทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ ได้แก่ การบริหารงานขาย การบริหารงานก่อสร้าง ตลอดจนถึงการส่งมอบและ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ลูกค้า ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการควบคุมต้นทุน และการสร้างคุณค่าเพิ่มของสินค้าและการบริการ
”สืบเนื่องจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ถึงปานกลาง-ล่าง ซึ่งทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาโดยตลอด และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีชุมชนที่อยู่ในความดูแลมากกว่าหนึ่งแสนครอบครัว ซึ่งถือเป็นสังคมที่มีขนาดใหญ่
ดังนั้นโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของชุมชน ถือว่ามีความสำคัญและเป็นภาระที่หนัก ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้จึงเป็นไปเพื่อรองรับการขยายตัวของ LPN ในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าไปใส่ใจและใกล้ชิดในทุกรายละเอียดของการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้มากที่สุด โดยเป้าหมาย คือ การสร้างสังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดี ตามนโยบาย “ชุมชนน่าอยู่” ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อน การดำเนินงานของทุกส่วนให้ประสาน สอดคล้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน”
สำหรับโครงสร้างการบริหารจัดการใหม่ของ L.P.N. Development Group จะแบ่งประเภทธุรกิจ ออกเป็น 4 บริษัท ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ประกอบด้วย
1) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ จะเป็นผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของการพัฒนาโครงการและการทำธุรกิจ ประกอบด้วยสายงานหลัก ได้แก่ สายงานพัฒนาธุรกิจ (Business Development) สายงานองค์กรสัมพันธ์ (Corporate Relation) สำนักพัฒนาบุคลากร (Human Resources Development) และสายงาน อำนวยการ (Administration) โดยมีนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ เป็นกรรมการผู้จัดการ และ นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี เป็นรองกรรมการผู้จัดการ
2) บริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (LPS) รับผิดชอบในการบริหารโครงการ ตั้งแต่การบริหารงานขาย การบริหารงานก่อสร้าง ตลอดจนถึงการโอนกรรมสิทธิ์และ การส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้า โดยมีนายจรัญ เกษร เป็นกรรมการผู้จัดการ
3) บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) รับผิดชอบในการบริหารจัดการชุมชน ทั้งหมดของบริษัทและบริษัทในเครือ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในความดูแลรวมกว่า 46 โครงการ คิดเป็นจำนวน 136 อาคาร และมีพื้นที่อาคารที่ต้องดูแลมากกว่า 1.98 ล้าน ตารางเมตร โดยมีนายสรรค์ สุขุขาวดี เป็นกรรมการผู้จัดการ
4) บริษัท พรสันติ จำกัด (PST) รับผิดชอบการพัฒนาโครงการในลักษณะ Non-Condo เช่น ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการเจริญเติบโตของ LPN ใน ระยะยาว โดยมีนางสาวสมศรี เตชะไกรศรี เป็นกรรมการผู้จัดการ
“ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง และความร่วมแรงร่วมใจของทั้งผู้บริหารและพนักงาน จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถผลักดันให้ L.P.N. Development Group สามารถก้าวต่อในฐานะผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมที่ได้รับการยอมรับทั้งจากลูกค้า นักลงทุน และสาธารณชนทั่วไป และที่สำคัญคือการ สร้างการเติบโตในสายอาชีพให้แก่พนักงานควบคู่ไปกับการเติบโตขององค์กรในอนาคต” นายทิฆัมพร กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ